In Bangkok

'ทวิดา'ประชุมนัดแรกศูนย์ BHEOCปรับ กลไกการประสานงานกทม.ให้มีเอกภาพ 



กรุงเทพฯ-รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประะานประชุมนัดแรก ศูนย์ BHEOC ปรับปรุงกลไกการประสานงานของ กทม. กับหน่วยงานอื่นให้มีเอกภาพ 

(9 ส.ค. 65) ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 29/2565 โดยมีคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) และการประชุมผ่านระบบทางไกล 

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มลดความรุนแรงลง รวมถึงมีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงมีการปรับปรุงโครงสร้างและภารกิจของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร ให้มีความพร้อมในการรองรับและบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุขในทุกรูปแบบ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังภัยสุขภาพของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งกรุงเทพมหานคร ที่ 1764/2565 ลงวันที่ 3 ส.ค. 65 เรื่อง จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพกรุงเทพมหานคร โดยมีการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพกรุงเทพมหานคร (Bangkok Health Emergency Operations Center : BHEOC) ขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่เป็นการประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ โดยมีผู้สังเกตการณ์จากหน่วยงานภายนอกเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการโรงพยาบาลในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHosNet) และภาคประชาสังคม โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ที่ครบองค์ประชุมในสัปดาห์หน้า ซึ่งเชื่อว่าคณะกรรมการชุดนี้จะสามารถทำให้เกิดการศึกษาช่องว่างทั้งหมดและปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบสาธารณสุข ทั้งในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ 

ทั้งนี้ ภาคประชาสังคม ประกอบด้วย กลุ่มเส้นด้าย สายไหมต้องรอด และเราต้องรอด ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดและปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบในการดำเนินงาน อาทิ การไม่ได้รับความสะดวกในการรับบริการของกลุ่ม 608 ปัญหาเรื่องสิทธิของผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดและคนต่างด้าว การประเมินอาการเพื่อส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาในโรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งจะได้ดำเนินการปรับปรุงกลไกการประสานงานของกรุงเทพมหานครกับหน่วยงานอื่นให้เชื่อมโยงกัน โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชนเพื่อให้การบริหารสถานการณ์ของศูนย์ฯ เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และประสิทธิภาพสูงสุด 

ในส่วนของการตรวจสถานบริการ คล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ซึ่งมีการตรวจทั้งทางด้านสาธารณสุข และความปลอดภัย ทั้งนี้ ขอให้สำนักงานเขตขอความร่วมมือสถานบันเทิง แสดงให้เห็นจุดสังเกตต่าง ๆ ให้ชัดเจนด้วยตาในเวลากลางคืน ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าออกฉุกเฉิน อุปกรณ์ดับเพลิง เป็นต้น รวมทั้งสื่อสารกับประชาชนที่มาใช้บริการที่ร้านให้เข้าใจ ด้วยวิธีการที่สถานบริการนั้น ๆ สามารถทำได้ ซึ่งแต่ละเขตพื้นที่จะมีความเสี่ยงไม่เหมือนกัน รวมถึงลักษณะความหนาแน่นของชุมชน เช่น กลุ่มเขตกรุงเทพกลางจะมีความหนาแน่นของชุมชนที่อยู่อาศัย และสภาพอาคารที่มีความเก่า ดังนั้น การตรวจสอบไม่ใช่เพียงโครงสร้างอาคารเท่านั้น แต่สำนักงานเขตควรตั้งข้อสงสัยต่อการประกอบการและความเสี่ยงในพื้นที่ว่าเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งในอนาคตหาก Bangkok Risk Map แล้วเสร็จ การระบุความเสี่ยงในเชิงภูมิสังคมของพื้นที่ จะช่วยให้สามารถวางแผนเพื่อวิเคราะห์การจัดการเชิงพื้นที่และแก้ปัญหาได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็วมากขึ้น
------------------------