In Global
ท่าทีการป่าวร้อง'ตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน' จะสร้างความเสียหายต่อตัวเองและผู้อื่น
บทวิเคราะห์ : การป่าวร้อง “ตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน” จะสร้างความเสียหายต่อตัวเองและผู้อื่น
“การตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน” เป็นประเด็นร้อนที่ป่าวร้องอย่างต่อเนื่องโดยประเทศและสื่อมวลชนตะวันตกจำนวนหนึ่งภายใต้การนำของสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้บริหารคนหนึ่งจากองค์กรอุตสาหกรรมสาขาหนึ่งของอังกฤษประโคมข่าวว่า “บริษัทอังกฤษกำลังตัดขาดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนอย่างขนานใหญ่”
ทว่า ผลสำรวจของหอการค้าอังกฤษในจีนแสดงให้เห็นชัดเจนว่า วิสาหกิจของอังกฤษส่วนใหญ่ล้วนมีท่าทีในทางบวกต่อตลาดจีน
ห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลกได้ผ่านการพัฒนามาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว บนพื้นฐานแห่งการแบ่งงานอย่างเชี่ยวชาญและประณีต บวกกับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ทรัพยากร ต้นทุนแรงงาน สภาพแวดล้อมด้านการประกอบธุรกิจ และอื่น ๆ ได้ก่อรูปแบบธรรมชาติขึ้นเป็นโครงสร้างที่อุตสาหกรรมการผลิตขั้นพื้นฐานจำนวนมากได้ถูกโอนย้ายไปยังตลาดเกิดใหม่ และอุตสาหกรรมการผลิตระดับไฮเอนด์กระจุกกันอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว นี่คือกฎธรรมชาติแห่งการพัฒนาอุตสาหกรรมและกระแสแห่งยุคสมัย
ในขอบเขตทั่วโลก บริษัทข้ามชาติจำนวนมากมายต่างมีมุมมองโดยทั่วไปว่า ศักยภาพของตลาดจีนนั้นใหญ่มหาศาล มีความได้เปรียบด้านซัพพลายเชนที่เด่นชัด จีนทุ่มเทขยายการเปิดประเทศอย่างแน่วแน่ เป็นส่วนสำคัญที่มิอาจขาดเสียได้ของโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ การตัดขาดห่วงโซ่อุปทานกับจีนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน
ในฐานะประเทศผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดและตลาดอุปโภคบริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่ละปีจีนนำเข้าสินค้าและบริการมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จึงเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งการประกอบธุรกิจสำหรับบริษัทข้ามชาติจำนวนมากมาย ซึ่งต่างก็ถือการอยู่ใกล้ชิดตลาดจีนเป็นกลยุทธ์หลักทางด้านธุรกิจของพวกเขา
ตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ ควบคู่ไปกับการยกระดับตลาดรถยนต์ของจีนอย่างต่อเนื่อง แบรนด์รถยนต์ระดับสากลจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างถือจีนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในโลก พลังงานใหม่ ความเป็นอัจฉริยะและการเชื่อมต่อเครือข่าย ซึ่งเป็นทิศทางการพัฒนาในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นกําลังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วในประเทศจีน ได้ดึงดูดค่ายยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์นานาชาติให้ยกระดับนวัตกรรม การวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ประเทศจีนกำลังกลายเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
ด้วยการมีส่วนช่วยผลักดันของเทรนด์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานใหม่ ปัญญาประดิษฐ์ ชีวการแพทย์ และบิ๊กดาต้า จีนกำลังกลายเป็นแหล่งรวมของเทคโนโลยีใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่และโมเดลใหม่ ความได้เปรียบทางอุตสาหกรรมเป็นที่จับตามองของโลก จีนถูกมองว่าเป็น “จุดต่อหลัก” ของห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายการสร้างนวัตกรรมทั่วโลก ความร่วมมือกับจีนเป็นทิศทางแห่งการก้าวไปข้างหน้าของเศรษฐกิจโลก
รายงานทางการเงินครึ่งปีแรกที่เพิ่งประกาศโดยบริษัทข้ามชาติจากยุโรปหลายแห่งแสดงให้เห็นว่า ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ เช่น การระบาดซ้ำของโรคโควิด-19 การอุดตันของห่วงโซ่อุปทาน และราคาพลังงานที่สูงขึ้น บริษัทข้ามชาติมียอดขายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีความคืบหน้าในการลงทุนอย่างมั่นคง และมีการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในจีน รายงานล่าสุดจากหอการค้าอเมริกันในจีนและหอการค้าเยอรมันในจีนแสดงให้เห็นว่า กว่า 60% ของบริษัททุนสหรัฐฯ และกว่า 70% ของบริษัททุนเยอรมันได้วางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในประเทศจีน
นายเจฟฟรีย์ แซคส์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังระดับโลกให้มุมมองว่า จีนเปี่ยมด้วยพลังชีวิต แนวคิด “ตัดขาดกับจีน” นั้น “น่าเศร้า” และ “อาจทำให้หลงทาง” ซึ่งรังแต่จะทำให้ตัวเองนับวันยิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นในโลกเท่านั้น
ประชาคมระหว่างประเทศโดยทั่วไปต่างก็เห็นชัดแล้วว่า วัตถุประสงค์มูลฐานของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำขับเคลื่อน “การตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน” ในทั่วโลกนั้น คือการรักษาสถานนะความเป็นเจ้าในโลกของตนเองและยับยั้งการผงาดขึ้นของจีน โดยพื้นฐานแล้วมันคือการพลิกกลับโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมลัทธิครองความเป็นเจ้าทางเศรษฐกิจ และทำลายผลประโยชน์โดยรวมของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ในยุคโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ การเปิดกว้างและการเชื่อมโยงกันได้กลายเป็นแนวโน้มแห่งประวัติศาสตร์ที่มิอาจต้านทานได้มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การกระทำเพื่อ”ตัดขาดห่วงโซ่อุปทาน”นั้นเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเองและผู้อื่น และไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้แน่นอน
----------------------------------------
เขียนโดย ลู่ หย่งเจียง ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)