In Thailand
เลือกปฏิบัติทางสายพันธุ์:รู้ไหมคืออะไร องค์กรพิทักษ์สัตว์หนุนความเท่าเทียม
กรุงเทพมหานคร – 26 สิงหาคม 2565 : เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเราจึงรักและเอ็นดูสัตว์บางชนิดแต่กลับมองสัตว์บางสายพันธุ์เป็นอาหาร วันที่ 27 สิงหาคมซึ่งตรงกับวันยุติการเลือกปฏิบัติทางสายพันธุ์ได้เป็นโอกาสที่ดีที่จะจุดประกายประเด็นสำคัญนี้ขึ้นและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบของความสัมพันธ์ระหว่างเราและสัตว์องค์กรและกลุ่มนักรณรงค์เพื่อสิทธิสัตว์จากทั่วทุกมุมโลกจึงต่าง เชิญชวนให้ผู้คน ทบทวนความเมตตาที่เรามีต่อสัตว์แต่ละสายพันธุ์
คำว่า “การเลือกปฏิบัติทางสายพันธุ์” ถูกคิดค้นโดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ Richard D. Ryder ในยุค 70และเป็นที่นิยมมากขึ้นจากหนังสือ “Animal Liberation” ซึ่งเขียนโดยนักปรัชญาชาวออสเตรีย Peter Singerและได้รับการตีพิมพ์เมื่อปี 1975หนังสือเล่มนี้สืบสวนและท้าทายถึงเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จึงจัดลำดับค่าของสัตว์แต่ละชนิดและตัดสินว่าสายพันธุ์ใดสมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจมากกว่า
“เมื่อพูดถึงความสามารถในการรับรู้ความเจ็บปวด สัตว์แต่ละชนิดไม่แตกต่างกันขนาดนั้นแต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ในฟาร์มปศุสัตว์กลับต้องทุกข์ทรมานมากกว่าสัตว์เลี้ยง สัตว์ในฟาร์ม เช่น วัว หมูและไก่ ถูกปฏิบัติด้วยวิธีที่ถือว่าผิดหลักศีลธรรมของหลายๆ ประเทศและถือว่าเป็นการกระทำที่น่าตกใจหากสัตว์ที่ว่านั้นเป็น สัตว์เลี้ยง เช่น การใช้ทั้งชีวิตในกรงขังแคบๆการโดนตัดอวัยวะโดยไม่ใช้ยาชา วันที่ 27 สิงหาคมนี้จึงเป็นวันสำคัญที่เราจะใช้เวลาไตร่ตรองประเด็นดังกล่าว”ชิสากัญญ์ อารีพิพัฒน์ ผู้จัดการโครงการท้าลอง 22 วันจากองค์กรพิทักษ์สัตว์สากลซิเนอร์เจียแอนิมอลกล่าว
ยิ่งกว่าสองมาตรฐาน
ในทุกๆ ปี สัตว์บกกว่า 7 หมื่นล้านชีวิตทั่วโลกถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารจำนวนนี้มากกว่าจำนวนสัตว์ที่เราถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีขณะนี้ถึง 50 เท่า สำหรับคุณชิสากัญญ์แล้วความต่างระหว่างสองจำนวนนี้ควรเป็นเหตุผลเพียงพอที่เราจะยกประเด็นนี้ขึ้นมาถกเถียง“เรากำลังพูดถึงสิ่งมีชีวิตจิตใจหลายพันล้านชีวิต งานวิจัยแสดงให้เห็นแล้วว่าหมูเฉลียวฉลาดพอๆ กับสุนัขและพวกเขาเจ็บปวดได้เท่าๆ กัน”
นโยบายเพื่อปกป้องสิทธิสัตว์แต่ละสายพันธุ์แตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับประเทศ วัฒนธรรมและกาลเวลาและในบางครั้งนโยบายเหล่านี้ก็เปลี่ยนไปในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ในปี 2021สหราชอาณาจักรให้การรับรองทางกฏหมายว่าสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังทั้งหมดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกและตระหนักรู้ได้ถึงคุณค่าของชีวิต หมายความว่าพวกเขาสามารถที่จะมีความรู้สึก เช่น ความสุข ความเจ็บปวดและเครียดได้ และในปีนี้ก็ได้เพิ่มสัตว์ไร้กระดูกสันหลังบางสายพันธุ์ เช่น ล็อบสเตอร์ ปลาหมึก ปูและสัตว์จำพวกครัสเตเชียนและหอยเซฟาโล พอดอื่นๆ เข้าไปในรายชื่อด้วยเช่นกันกฏหมายใหม่นี้ช่วยทำให้เรามั่นใจว่าความต้องการและความเจ็บปวดของสัตว์ได้รับการพิจารณาในการร่างนโยบายต่างๆ
และกฏหมายกำลังไล่ตามการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ทั่วโลกการจัดอันดับสิทธิสัตว์แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของแต่ละประเทศทั่วโลกว่าสัตว์แต่ละชนิดได้รับการปฏิบัติและการปกป้องอย่างไรบ้าง ประเทศไทยได้อันดับที่ 43 โดยมีกฏหมายต่อต้านความโหดร้ายต่อสัตว์และเห็นว่าสัตว์สามารถทุกข์ทรมานได้แต่ไม่ถือว่าสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ตระหนักได้ถึงคุณค่าของชีวิตและไม่มีกฏหมายห้ามทำฟาร์มขนสัตว์
ลบเส้นแบ่งแยก
เป็นเวลาหลายสิบปีที่นักวิจัยต่างก็ให้ความสนใจเหตุผลด้านจิตวิทยาของการเลือกปฏิบัติทางสายพันธุ์ ในปี2019 งานวิจัยเผยว่าความเห็นอกเห็นใจที่เรามีต่อสายพันธุ์อื่นเพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับความสนิทชิดเชื้อของสายพันธุ์นั้นๆ กับมนุษย์และคุณลักษณะที่มีร่วมกัน Janis Driscoll นักวิจัยจากUniversity of Colorado ก็ได้ข้อสรุปที่คล้ายกันในปี 1995โดยเผยว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะจัดอันดับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมว่า "น่ารัก" มากกว่าปลาหรือนก
“การที่มนุษย์มองว่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ได้น่ารักเท่าอาจทำให้มนุษย์เฉยชาต่อความทุกข์ทรมานของสัตว์เหล่านี้ได้ ตัวอย่างเช่น แม้ว่ามนุษย์โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีความสงสารไก่เท่าสัตว์อื่นนั่นไม่ได้หมายความว่าไก่ไม่มีความสามารถในการรับรู้ความเจ็บปวด แต่กระนั้น
ไก่กลับเป็นหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์ที่ต้องทุกข์ทรมานมากที่สุดในระบบอาหารของเรา” ชิสากัญญ์กล่าว
งานวิจัยของ Driscoll เผยว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ยังเชื่ออีกว่าสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่ได้ ‘เฉลียวฉลาด’อย่างที่เราเข้าใจกัน “ตัวอย่างที่ดีคือปลาแม้จะมีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับการรับรู้ความเจ็บปวดและความสามารถทางปัญญาที่ซับซ้อนรวมถึงการจดจำตนเองและความสามารถทางคณิตศาสตร์ แต่ถึงอย่างนั้นปลากลับได้รับการคุ้มครองโดยนโยบายสวัสดิภาพสัตว์น้อยที่สุดเป็นเพราะความรู้สึกของพวกเขามักจะถูกละเลย” ชิสากัญญ์กล่าวในความเห็นของชิสากัญญ์แล้ว ยิ่งมีความรู้เกี่ยวกับความรู้สึกของสัตว์มากเท่าไร
คนก็ยิ่งมีความรู้สึกขัดแย้งกับสิ่งที่อยู่บนจานอาหารของพวกเขามากขึ้นเท่านั้น:“ถ้าใครรู้สึกแย่กับความคิดที่จะฆ่าสุนัขพวกเขาจะกินสายพันธุ์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความรู้และพฤติกรรมที่ซับซ้อนเท่าๆ กัน เช่น หมู ได้อย่างไร”
นอกจากเหตุผลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมแล้วการตั้งข้อสงสัยเรื่องการเลือกปฏิบัติทางสายพันธุ์เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลายคนเริ่มเปลี่ยนไปเลือกรับประทานอาหารที่เห็นอกเห็นใจสัตว์ในหลายปีที่ผ่านมา “ในประเทศไทย ซิเนอร์เจีย แอนิมอลช่วยกว่า 30,000คนให้ตัดสินใจเลือกอาหารอย่างมีสติมากขึ้น พร้อมให้คำแนะนำออนไลน์จากนักกำหนดอาหารและสูตรอาหารแพลนต์เบสง่ายๆ” ชิสากัญญ์กล่าวเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการท้าลอง 22 วันได้ที่ www.thaichallenge22.org