Health & Beauty

แปดริ้วรุกเปิดทริปท่องเที่ยวเชิงสุขภาพดี ฟื้นศก.หลังโควิด/จัดนำร่อง11-13ก.ย.นี้



ฉะเชิงเทรา- ผู้ว่าฯพร้อมผอ.ท่องเที่ยวและกีฬาฉะเชิงเทราและผู้เชี่ยวชาญทางศาสตร์ชะลอวัยและแพทย์ทางเลือกร่วมแถลงข่าว เปิดตัวโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน ท่องเที่ยวเชิญสุขภาพ(Health Tourism) เพื่อผลักดัน จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง พร้อมผู้สนใจร่วมทริปเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพฉะเชิงเทรา Health Tourism ที่ใน 2 เส้นทาง  บาลานซ์บอดี้แอนด์มายด์@บางปะกง และ ดีท็อกซ์ บอดี้แอนด์มายด์ ริมธารา@บางคล้าในวันที่ 11-13 ก.ย. 65นี้

เมื่อ 2 กันยายน 2565 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เปิดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการเสริมสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวชุมชนอย่างยั่งยืน กิจกรรมหลักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ(Health Tourism) โดยมีนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุฤกษ์ ศิลปะอนันต์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดฉะเชิงเทราและรศ.ดร.กำพล ศรีวัฒนกุล ประธานกฎบัตรสุขภาพและผู้เชียวชาญทางศาสตร์ชะลอวัยและแพทย์ทางเลือกที่เป็นผู้มีชื่อเสียงและการยอมรับในระดับสากลร่วมแถลงข่าว  ณ แสนภูดาษ เฮลท์คลับ แอนด์ ทรีทเมนท์ ต.ลาดขวาง อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

นายไมตรี เปิดเผยว่า จังหวัดฉะเชิงเทรานั้นมีของดีมากมายหลากหลายทั้งประเพณีและวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ อาหารการกินและธรรมชาติที่สวยงาม ที่สำคัญผลไม้ที่นี้อร่อยมาก แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่ปัจจัยภายนอกเป็นแค่ความสุขชั่วคราว

วันนี้จังหวัดฉะเชิงเทราจะนำเอาความสุขแบบยั่งยืนมาให้กับทุกคน เราก็เลยจัดโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพใครมาเที่ยวเข้าโครงการก็จะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง สภาพจิตใจแจ่มใส ซึ่งเป็นพื้นฐานของการดำรงค์ชีวิต การประกอบอาชีพ วัตถุประสงค์คือ ใครเข้าโครงการก็จะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีจิตใจแจ่มใส ถ้าโครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างได้ ประสบผลสำเร็จก็จะขยายผลไปยังทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและจิตใจแจ่มใสสมบูรณ์

วัตถุประสงค์ประการที่สอง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ของดีและการท่องเที่ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา และประการที่สาม ก่อนมีโรคระบาดโควิด 19  จังหวัดฉะเชิงเทรามีนักท่องเที่ยวมาเทียวเกือบ 3 ล้านคนเงินสะพัดหลายพันล้านบาท และในช่วงโรคโควิด 19 ระบาดหนักใน 3ปี จังหวัดเราซบเซา เศรษฐกิจตกต่ำ

เพราะฉะนั้นหลังโควิดระบาดเบาบางและสถานการณ์โรคทั่วไปเริ่มดีขึ้น เราจึงเตรียมความพร้อมและได้จัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด ได้กลับมาเฟื่องฟูเหมือนเดิม ที่สำคัญฉะเชิงเทราเราเป็นเมืองหนึ่งในสามของโครงการระเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือEEC ซึ่งจะมีคนในและต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยว ลงทุน และมาอยู่อาศัย ดังนั้นตรงนี้จึงเป็นการรองรับผู้ที่จะเข้ามาเยือน โดยปรับปรุงด้านสภาพสิ่งแวดล้อม อาหารการกิน ความเป็นอยู่ ให้ดี ให้มีสุขภาพอนามัยและสภาพจิตใจแจ่มใส

“ผมอยากนำเรียนนักท่องเที่ยวที่สนใจว่า ผมยืนยันโครงการนี้ เป็นประโยชน์ต่อนักท่องเที่ยวและจะเป็นความสุขแบบยั่งยืนจริงๆ”ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรากล่าวยืนยันและว่า

ฉะนั้น ในวันที่ 11-13 กันยายนนี้เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ได้จัดทริปเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพฉะเชิงเทรา Health Tourism   ใน 2 เส้นทาง  บาลานซ์บอดี้แอนด์มายด์@บางปะกง และ ดีท็อกซ์ บอดี้แอนด์มายด์ ริมธารา@บางคล้า ผู้เข้าร่วมจะได้พบกับธรรมชาติที่สวยงาม อาหารเพื่อสุขภาพ “ออร์แกนิค(Organic)”ที่อร่อยและแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามร่มรื่น พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพอนามัย ด้วยกิจกรรมดีๆ อย่างการนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ เพื่อให้สภาพจิตใจเข้มแข็ง

“ผมเชื่อว่าโครงการนี้ไม่เหมือนการท่องเที่ยวอื่น ถ้าเราไปท่องเที่ยวสถานบันเทิงก็จะมีความสุขชั่วคราว และอาจจะทำร้ายสุขภาพเราได้อีก แต่โครงการนี้ ผมมั่นใจว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป นอกจากจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดแล้ว ยังจะทำให้ได้สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใสสมบูรณ์อีก”

อนึ่ง สำหรับรายละเอียดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพฉะเชิงเทรา Health Tourism   ใน 2 เส้นทาง  บาลานซ์บอดี้แอนด์มายด์@บางปะกง และ ดีท็อกซ์ บอดี้แอนด์มายด์ ริมธารา@บางคล้า ได้กำหนดไว้ดังนี้..

ROUTE 1 : บาลานซ์บอดี้แอนด์มายด์@บางปะกง 1. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2. เรนโบว์อโรคยา รีสอร์ท 3. หอธรรมพระบารมีและ 4.แสนภูดาษ เฮลท์คลับ แอนด์ ทรีพเมนท์

ส่วนROUTE 2 : ดีท็อกซ์ บอดี้แอนด์มายด์ ริมธารา@บางคล้า เริ่มจาก 1. Blue Ozone Resort  2.อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน 3. Dhiva Resort และ 4. กรีนวิลล์ ฟาร์มคาเฟ่ โดยเปิดรับผู้เข้าร่วมโครงการนำร่องในครั้งนี้แค่ 40 คนเท่านั้น

ด้านรศ.ดร.กำพล เปิดเผยถึง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพว่า  สำหรับWellness Hub ของโลกตนยืนยันขณะนี้ครม. หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวและสาธารณสุข เห็นร่วมกันแล้วว่า  การทำธุรกิจเรื่อง Wellness industry จะเป็นการทำรายได้เข้าประเทศมหาศาล ในเชิงเศรษฐกิจ ยอดขายของธุรกิจ Wellness นี้สูงกว่า การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือ Medical Tourism ถึง 50 เท่า ตนเป็นแพทย์ และมองว่า การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ Medical Tourism โรงพยาบาลและคลินิกเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่สำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพหรือ Wellness แล้วได้ประโยชน์ทั้งนักท่องเที่ยว ผู้ขายอาหาร ธรรมชาติและรีสอร์ทต่างๆ ดังนั้นอยากให้ทุกคนตระหนักด้วยว่า Wellness จะพลิกฟื้นคืนเศรษฐกิจไทยได้อย่างแน่นอน

“แต่ผมต้องเตือนอีกครั้งว่า ประโยชน์ที่จะได้สูงสุด ต้องเริ่มจากคนไทย ลองคิดดู ถ้าเราเกษียณแล้ว เราก็ไม่อยากเป็นอัมพาต ดังนั้นถ้าเราเข้าใจเรื่อง Wellness มากขึ้น เอาสิ่งที่เราทำกับต่างประเทศมาใช้กับประเทศไทยจะทำให้คนไทยมีปัญหาในการดูแลสุขภาพได้ดีกว่าประเทศอื่นมากมาย เราจะไม่มีคนติดเตียง หรือเป็นเบาหวานหรือโรคอะไรต่างๆ ได้ ถ้าเราเข้าใจเรื่อง Wellness”รศ.ดร.กำพล กล่าว