In Bangkok

กทม.รุกค้นหากลุ่ม608เข้ารับวัคซีนโควิด ย้ำมาตรการปรับโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง



 กรุงเทพฯ-สำนักอนามัย สำนักการแพทย์และสำนักเทศกิจ กทม.เร่งค้นหากลุ่ม 608 เข้ารับวัคซีนโควิด 19 เน้นย้ำมาตรการสาธารณสุขหลังปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง

นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แนะกลุ่ม 608 เข้ารับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น ส่วนสถานประกอบการขอให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยขององค์กร (Covid-19 Free Setting) ภายหลังปรับลดระดับให้โรคโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังในวันที่ 1 ต.ค.65 ว่า ภายหลังการปรับลดระดับให้โรคโควิด 19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง คาดการณ์ว่าโควิด 19 จะมีลักษณะการเกิดโรคคล้ายกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี แต่อาจมีการระบาดบางช่วงเวลา โดยการป่วยที่รุนแรงถึงเสียชีวิต ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิด 19 และกลุ่มผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคร่วม (กลุ่ม 608) ที่รับวัคซีนไม่ครบ อย่างไรก็ตามประชาชนสามารถอยู่ร่วมกับโควิด 19 อย่างปลอดภัยและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ หากตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด 19 สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ตามสิทธิการรักษาที่มีอยู่

ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย ได้ส่งเสริมความรู้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งผู้ประกอบการ พนักงานและสถานบันเทิงที่มีคนรวมตัวกันเป็นจำนวนมากและเป็นสถานที่ปิด โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) คือ สภาพแวดล้อม ความปลอดภัยของพนักงาน และความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ซึ่งสถานประกอบการที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในร้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดเชื้อโรคตามจุดสัมผัสต่าง ๆ โดยเฉพาะการตรวจสอบระบบระบายอากาศภายในร้านหลังการใช้งาน ควรเปิดประตูหน้าต่างให้โล่งระบายอากาศ ส่วนพนักงานภายในร้าน ควรประเมินความเสี่ยงของตนเองและตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยชุดตรวจ ATK แม้ไม่มีอาการป่วย แต่ไปสัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัด ขอให้ตรวจก่อนกลับไปทำงาน ตลอดจนปฏิบัติตามปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขลักษณะส่วนบุคคล D-M-H-T-T-A อย่างต่อเนื่อง

นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวว่า สำนักการแพทย์ ร่วมกับสำนักอนามัย สำนักงานเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ชุมชนเร่งค้นหา สร้างความเข้าใจ พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่กลุ่ม 608 โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาล (รพ.) หรือศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์ผ่าน รพ.ในสังกัด กทม. และศูนย์บริการสาธารณสุขที่มีคลินิกผู้สูงอายุครบวงจร และชมรมผู้สูงอายุ พร้อมส่งทีมแพทย์เคลื่อนที่ลงชุมชนในพื้นที่ใกล้ รพ.เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่กลุ่มผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางมายังจุดบริการวัคซีน และกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง นอกจากนั้น ยังได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการฉีดวัคซีนโควิด 19 เพื่อป้องกันตนเองและผู้อื่น รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด พร้อมให้บริการ Walk-in ฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป (ทุกสัญชาติ) ทุกวันไม่เว้นวันหยุด สามารถดูรายละเอียดการให้บริการคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่ทั้ง 11 รพ.กทม. ได้ที่ https://shorturl.asia/Qs5EL พร้อมจัดเตรียมหน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ลงพื้นที่ให้บริการเชิงรุกในผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งไม่สามารถมารับบริการที่สถานพยาบาลได้ โดยสามารถนัดหมายฉีดวัคซีนถึงบ้าน สำหรับกลุ่ม 608 ที่มารับบริการใน รพ. ให้ตรวจคัดกรองประวัติ หากควรได้รับวัคซีนแนะนำให้ฉีดวัคซีนในคราวเดียวเลย

สำหรับสถานประกอบการต้องลงทะเบียนและประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2Plus (TSC 2+) และขออนุญาตก่อนเปิดดำเนินการ โดยสถานประกอบการต้องจัดให้มีผู้รับผิดชอบควบคุมกำกับการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และมาตรการทางกฎหมายโดยเคร่งครัด โดยมีสำนักงานเขตเป็นผู้ประเมิน เพื่อพิจารณาอนุญาตและตรวจกำกับ ติดตามสถานประกอบการ

นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. กล่าวว่า แม้ว่ามีการปรับลดระดับให้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และในอนาคตอาจเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่น ชุดตรวจบูรณาการ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการ สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีลักษณะคล้ายกันอย่างเคร่งครัด ซึ่งผ่อนปรนโดยแต่ละแห่งอาจไม่ต้องผ่านมาตรฐาน Thai Stop COVID 2Plus และต้องยื่นขออนุญาตกับสำนักงานเขตแล้วก็ตาม แต่ยังต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ สภาพแวดล้อมของสถานที่มีอากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง มีความปลอดภัยของพนักงาน โดยต้องตรวจ ATK อย่างสม่ำเสมอ หากสถานประกอบการใดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ให้ความร่วมมือในมาตรการดังกล่าวและเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อาจจำเป็นต้องมีคำสั่งให้ปิดกิจการไว้ก่อน จนกว่าจะแก้ไขปัญหาได้