Biz news

มาสด้าฝ่ามรสุมโควิดปิดยอดขายปี2563 3.9หมื่นคันปี64เป้า5หมื่นคัน-ส่งปิกอัพสู้



กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 11 มกราคม 2564 – มาสด้าเผยภาพรวมยอดขายปี 2563 พุ่งเกือบ 40,000 คันครองส่วนแบ่งการตลาด 5% โดยรถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงครองความนิยมสูงสุดวางแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทุกเซ็กเมนต์กระตุ้นตลาด โดยเฉพาะปิกอัพ บีที-50ที่กำลังจะมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับตลาดรถปิกอัพเมืองไทย มุ่งสื่อสารวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นสูงกว่า 30% และครองส่วนแบ่งการตลาด 6%

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2563นับเป็นปีที่ท้าทายอย่างยิ่ง โดยมีทั้งปัจจัยภายนอกและภายในที่เข้ามากระทบโดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี
จึงทำให้อุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยต้องหยุดชะงัก แต่ด้วยมาตรการช่วยเหลือต่างๆของภาครัฐ และความร่วมแรงร่วมใจกันของพี่น้องชาวไทย จึงทำให้ธุรกิจต่างๆ ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นและเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงปลายปี จึงทำให้ตัวเลขที่เกิดขึ้นดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับตลาดรถยนต์ในปี 2563 จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 1 ล้านคัน (เมื่อต้นเดือนมกราคม)ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับปี 2562 แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวเลขรวมของอุตสาหกรรมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 7.9 แสนคันลดลงประมาณ 20% เช่นเดียวกับมาสด้าที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 50,000 คัน แต่เนื่องจากเกิดการระบาดของโควิด-19ไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เกิดการ ล็อกดาวน์ประเทศทำให้แนวโน้มและทิศทางเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดการณ์ เมื่อกลางปี 2563มาสด้าจึงได้ปรับเป้าการขายมาอยู่ที่ 45,000 คัน แต่สุดท้ายก็สามารถคว้ายอดขายรวมมาได้ที่ 39,266 คันหรือลดลงประมาณ 32% ซึ่งต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ แต่ทั้งนี้แล้วก็ยังถือว่าเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและตลาดเกิดใหม่ โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 24,839 คันรถอเนกประสงค์เอสยูวี 11,716 คัน รถปิกอัพ 2,711 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 5%จากตัวเลขยอดขายนี้ ส่งผลให้รถยนต์มาสด้าภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และภายใต้การออกแบบของโคโดะดีไซน์ มียอดขายสะสมสูงเกือบ 3 แสนคัน ภายในระยะเวลาเพียง 7 ปีและเมื่อย้อนกลับไปดูตัวเลขการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี จึงทำให้ มาสด้า ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดหลักของมาสด้าทั่วโลก ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จในปี 2563ที่ผ่านมานั้น ล้วนได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างดีโดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ลงทำตลาด หรือตระกูล CX-Seriesและทุกรุ่นประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
นายชาญชัย กล่าวเสริมว่า “การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นพิเศษรวมถึงการปรับโฉมเพื่อสร้างความสดใหม่ให้กับตลาดรถยนต์นั่งและรถอเนกประสงค์อย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้เดือนธันวาคม 2563 มาสด้าสามารถทำยอดขายรวมได้สูงที่สุดในรอบปีถึง 5,253 คัน โดยแบ่งเป็นMazda2 จำนวน 3,084 คัน (ยอดขายสูงสุดในรอบปี) ตามด้วย Mazda CX-30 จำนวน 936 คัน(ยอดขายสูงสุดนับแต่เปิดตัว) Mazda CX-3 จำนวน 457 คัน (ยอดขายสูงสุดในรอบ 2 ปี) Mazda3 จำนวน 391คัน Mazda CX-8 จำนวน 260 คัน และ Mazda CX-5 จำนวน 124 คัน”

ในปี 2563 แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤต แต่มาสด้ายังคงเดินหน้าส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องโดยหันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทั้งเพื่อสื่อสาร การจำหน่าย และเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่รวมถึงได้เดินหน้าขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายถึง 12 แห่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพันธมิตรในการทำธุรกิจร่วมกับมาสด้า ซึ่งนับเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เปิดโชว์รูมมากที่สุดและได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรม “มาสด้า คาราวาน ปันสุข”เพื่อแบ่งปันน้ำใจไปยังผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศให้การสนับสนุนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ภายใต้ทีม Mazda Innovation Motorsport และสนับสนุนกีฬาฟุตบอลนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี อย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ นายชาญชัย ยังได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2564พร้อมคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์จะมียอดรวมประมาณ 8.4 แสนคัน หรือใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาแต่ทั้งนี้แล้วก็ยังคงต้องจับตามองว่าการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19
จะส่งผลมากน้อยแค่ไหนต่อภาพรวมประเทศไทย เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ สำหรับมาสด้าแล้วคาดการณ์ไว้ว่าจะประสบความสำเร็จใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา พร้อมมองเป้าจำหน่ายที่จำนวน 50,000 คันหรือส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 6%”เพื่อบรรลุเป้ายอดขายดังกล่าว ปีนี้มาสด้าจะเสริมความแข็งแกร่งด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการเปิดตัว All-New Mazda BT-50อันเป็นการกลับมาอีกครั้ง หรือ Revolutionary Changeที่มาสด้าจะมาสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในตลาดรถปิกอัพเมืองไทย

“ในปีนี้ เราจะยังคงเดินหน้าสื่อสารเรื่องวิสัยทัศน์ Sustainable zoom-zoom 2030 คือ การแก้ปัญหาที่ต้องเผชิญเพื่อให้โลกของเรายังคงสวยงาม เพื่อผู้คน และสังคมให้น่าอยู่ตลอดไป โดยยังคงเน้นเรื่อง “ความสนุกในการขับขี่”พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการขายและการบริการ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นพรีเมียมแบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่าและการบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าในประเทศไทย” นายชาญชัย กล่าว

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ กล่าวเกี่ยวกับกลยุทธ์ด้านการตลาดว่าปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เพราะรถยนต์ทุกรุ่นที่เปิดตัวล้วนได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในทุกรุ่นถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่มีรถใหม่ลงตลาด และยังเป็นช่วงที่ต้องจำหน่ายรถรุ่นเก่าก่อนซึ่งถือเป็นช่วงที่ยากลำบาก แต่ทั้งนี้แล้วในปี 2564 เราจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังพร้อมให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น

นอกจากการตลาดในส่วนการขายแล้วการบริการลูกค้าและการเอาใจใส่ตลอดระยะเวลาที่ลูกค้าครอบครองรถก็นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาสด้าได้ทำการปรับปรุงคุณภาพและราคาอะไหล่จนสามารถใกล้เคียงกับตลาดหรือบางชิ้นส่วนมีราคาต่ำกว่าตลาด รวมถึงเพิ่มความสะดวกด้วยบริการจัดส่งอะไหล่ถึง 2 รอบต่อวันในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัด 1 รอบต่อวันรวมถึงมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพการให้บริการพร้อมแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อสร้างความอุ่นใจในการเข้ารับบริการของลูกค้าทุกพื้นที่

นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับมาสด้าสิ่งสำคัญที่ผลักดันให้เราก้าวมาถึงจุดนี้ได้ คือการพัฒนา ไม่ใช่การขายหลังจากนี้เราจึงอยากให้ความสำคัญกับการทำตลาดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการบริการหลังการขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และดึงดูดลูกค้ารายใหม่ให้หันมาใช้รถของเรา ซึ่งในปีนี้มาสด้าได้ตั้งยอดขายไว้ที่ 50,000 คัน ซึ่งไม่ใช่ยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่นั่นคือการตั้งเป้าให้ทีมงานมาสด้าทั้งหมดต้องยกระดับและพัฒนาตนเองให้ก้าวไปสู่จุดนั้นให้ได้”

“ทั้งหมดนี้คือแนวทางในการดำเนินธุรกิจของมาสด้าในปี 2564 และผมต้องขอขอบคุณลูกค้า พันธมิตรและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนมาสด้ามาโดยตลอดและมาสด้าให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าส่งมอบรถยนต์ที่เป็นที่ต้องการของลูกค้าโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นที่ตั้ง ตลอดไป” นายธีร์ กล่าวเสริมสรุปยอดจำหน่ายรถยนต์มาสด้า ประจำปี 2563 เปรียบเทียบกับปี 2562ข้อมูลการขายรถ มกราคม – ธันวาคม 2562 มกราคม – ธันวาคม 2563 % เปลี่ยนแปลง มาสด้า2 41,987 21,789 - 48% มาสด้า3 4,717 3,041 - 36% มาสด้า CX-3 1,971 2,229 + 7% มาสด้า CX-30 - 5,725 n/a มาสด้า CX-5 3,020 1,623 - 46% มาสด้า CX-8 745 2,139 + 187% มาสด้า BT-50 PRO 5,664 2,711 - 52% มาสด้า MX-5 25 9 - 64% ยอดรวม 58,129 39,266 - 32%โปรดติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมาสด้าผ่านทางโซเชียลมีเดีย
เว็บไซต์ www.mazda.co.th และ MazdaThailandOfficial Facebook/YouTube/Instagram/LINE