In News

นายกฯเคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ' ขอบคุณทุกกำลังใจ/ลุยต่อกลยุทธ์3แกน



กรุงเทพฯ-นายกฯประยุทธ์ เคารพคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนสำหรับกำลังใจและความปรารถนาดีที่มอบให้มาโดยตลอด

วันนี้ (30 ก.ย.65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มอบให้โดยตลอด
 
นายอนุชาฯ กล่าวต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสที่ พลเอก ประยุทธ์ ฯ ได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่าจะต้องใช้เวลาอันมีค่า ที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย ที่ได้ริเริ่มเอาไว้ ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง และสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเรา โดยจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกน ที่ได้เคยกล่าวไว้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย และนำพาประเทศ ให้ก้าวไปสู่ยุคทองแห่งความเจริญรุ่งเรืองของคนไทยทุกคน ในวันข้างหน้าสืบเนื่องไป

อนึ่ง คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่

โดยผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 6 : 3 วินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามความในมาตรา 264 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นับแต่วันที่ 6 เมษายน 2560 ถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้ถูกร้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 158 วรรคสี่

ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 170 วรรค2 ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยชี้แจงว่าการที่ไม่นับรวมตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2557 เนื่องจากมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาล บัญญัติไว้ว่า ครม. ที่อยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญให้ถือว่าเป็น ครม. ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่การบังคับใช้ต้องนับจากวันที่รัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ดังนั้นไม่ว่ากรณีใด ทุกอย่างต้องเริ่มนับจากวันที่ 6 เมษายน 2560 รวมถึงบทบัญญัติมาตรา 158 ที่บัญญัติถึงการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญ ยังชี้แจงกรณีที่ผู้ร้องอ้างบันทึกการประชุมกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่ 500 และ 501 ว่า ประธานและรองประธาน กมธ. เคยระบุไว้ว่า ให้นับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2557 นั้น เป็นเพียงความเห็นของทั้ง 2 คน ภายหลังที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ไปแล้ว 1 ปี 5 เดือน ไม่สามารถนำมาเป็นความมุ่งหมายอธิบายรายมาตราได้