In News
นายกฯรุดเยี่ยมให้กำลังใจปชช.-พระสงฆ์ วัดเทพนิมิตฯขอนแก่น/ย้ำเร่งเยียวยา
กรุงเทพฯ-นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยและพระสงฆ์ ที่ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วัดเทพนิมิตวนาราม จ.ขอนแก่น ย้ำรัฐบาลเร่งเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด หลังจากที่นายกฯ ตรวจติดตามการทำงานเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงระยะไกล เร่งระบายน้ำบึงหนองโคตร จ.ขอนแก่น ลดผลกระทบพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ขอประชาชนเชื่อมั่นการทำงาน ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกพื้นที่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ต.ค. 65) เวลา 11.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยและพระสงฆ์ ณ ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วัดเทพนิมิตวนาราม บ้านพรหมนิมิต หมู่ 4 ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ประสบภัย โดยขณะนี้จังหวัดขอนแก่นมีพื้นที่ประสบภัย รวม 16 อำเภอ 144 ตำบล 1082 หมู่บ้าน 105 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,888 ครัวเรือน 56,600 คน เสียชีวิต 5 ราย (อ.หนองสองห้อง แวงน้อย น้ำพอง ชนบท และเมืองฯ) และมีบ้านพักอาศัยเสียหายบางส่วน 29 หลัง รวมพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ 205,212 ไร่ (นาข้าว 194,595 ไร่ พืชไร่ 10,537 ไร่ พืชสวน 80 ไร่) ถนน 238 สาย ฝาย 13 แห่ง คอสะพาน 1 แห่ง รวมทั้งมีพื้นที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบทั้งบ้านเรือนรอบบึงหนองโคตร บึงทุ่งสร้าง ลำห้วยพระ คือในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลบ้านเป็ด เทศบาลตำบลพระลับ เทศบาลตำบลเมืองเก่า และเทศบาลท่าพระด้วย
นายกรัฐมนตรีได้รับฟังความเดือดร้อนและให้กำลังใจประชาชน พร้อมกล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการแก้ไขในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการเร่งเยียวยา และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้วางแผนการทำงานเพื่อเตรียมการรองรับสถานการณ์น้ำล่วงหน้าที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพื่อป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้มากที่สุดและรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยน้อยที่สุด ยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากปริมาณน้ำฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องและที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า รัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาเฉพาะน้ำท่วมเท่านั้นแต่ต้องดูแลรวมถึงเศรษฐกิจ สังคม ความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มด้วย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยความสมดุลอย่างยั่งยืน สำหรับการเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อต้องการมาติดตามโครงการที่รัฐบาลได้ดำเนินการและเร่งแก้ไขในส่วนที่มีอุปสรรคปัญหาเพื่อให้ทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การช่วยเหลือประชาชน และขอบคุณประชาชนทุกคนที่เป็นแรงสนับสนุนให้รัฐบาลในการเร่งแก้ไขในส่วนที่เป็นปัญหาให้สามารถดำเนินการต่อไปได้โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่น ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้นแล้ว ได้แก่ การอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย 7 จุด (อำเภอเมืองฯ) จัดโรงครัวประกอบเลี้ยง เขตเทศบาลขอนแก่น 4,500 กล่อง มอบถุงยังชีพบรรเทาเบื้องต้นแล้ว 2,400 ชุด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ 3,000 ชุด นอกจากนี้ ยังมีมาตรการดำเนินการหลังเกิดอุทกภัย (แนวโน้มอย่างน้อย 2 เดือน) ดังนี้ 1. ดูแลความเป็นอยู่ผู้ประสบภัยในจุดอพยพ ทั้งเรื่องของอาหาร/น้ำดื่ม/สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน การดูแลสุขภาพอนามัย 2. เร่งสำรวจตรวจสอบความเสียหายและช่วยเหลือเยียวยา และ 3. ซ่อมแซมฟื้นฟู สิ่งสาธารณูปโภคและสาธารณะประโยชน์และสภาพแวดล้อมโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ จะมีการกระจายความช่วยเหลือไปสู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงต่อไปด้วย
ก่อนหน้านี้ นายกฯ ตรวจติดตามการทำงานเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงระยะไกล เร่งระบายน้ำบึงหนองโคตร จ.ขอนแก่น ลดผลกระทบพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ขอประชาชนเชื่อมั่นการทำงาน ย้ำรัฐบาลพร้อมดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกพื้นที่
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (4 ตุลาคม 2565) เวลา 10.40 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้กำลังใจหน่วยงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมตรวจระบบการทำงานของเครื่องสูบน้ำแรงดันสูงระยะไกล 4 กิโลเมตร ณ บึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ซึ่งบึงหนองโคตรเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่สำหรับการแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น มีพื้นที่ 700 ไร่ สามารถรองรับน้ำได้ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยขณะนี้บึงหนองโคตรเป็นแก้มลิงที่รองรับน้ำจากหลายพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นและเต็มศักยภาพแล้ว จึงต้องเร่งระบายน้ำให้ไหลไปลงแม่น้ำชีเพื่อเร่งสูบน้ำที่รอระบายออกจากเขตพื้นที่เศรษฐกิจเมือง และพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากได้รับผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และพายุโนรู ช่วง 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่เศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งบ้านเรือนรอบบึงหนองโคตร บึงทุ่งสร้าง ลำห้วยพระคือ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลบ้านเป็ด เทศบาตำบลพระลับ เทศบาลตำบลเมืองเก่า และเทศบาลท่าพระ
ทั้งนี้ จังหวัดขอนแก่นได้มีมาตรการเตรียมรับมืออุทกภัย และเร่งระบายน้ำในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด ระดับอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัดขอนแก่น เพื่ออำนวยการ สั่งการ และประสานการปฏิบัติ อำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยให้ทุกอำเภอและท้องถิ่นพื้นที่เสี่ยงภัยขุดลอกคูคลอง ดูดโคลนท่อระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมกำหนดมาตรการพร่องน้ำและระบายน้ำในพื้นที่ตั้งแต่กรกฎาคม โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำ รวม 22 เครื่อง แบ่งเป็น เขตเศรษฐกิจ 15 เครื่อง เขตปลายน้ำ 7 เครื่อง และประตูระบายน้ำ D8 ซึ่งสามารถระบายน้ำวันละ 5 ล้าน ลบ.ม./วัน
นายกรัฐมนตรี ได้ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำริมตลิ่งบริเวณบึงหนองโคตร พร้อมกล่าวแสดงความห่วงใยประชาชนที่พักอาศัยบริเวณโดยรอบดังกล่าว ย้ำว่ารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่ และพร้อมดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในทุกพื้นที่ ขอประชาชนเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น