EDU Research & ESG

อว.-ทปอ.-กสศ.เชื่อมม.รัฐ-เอกชนทั่วปท. ดูแลนักเรียนยากจน-จนพิเศษ2หมื่นคน



กรุงเทพฯ-กระทรวง อว.-ทปอ. จับมือ กสศ. เชื่อมมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชนทั่วประเทศ ดูแลนักเรียนยากจน-ยากจนพิเศษกว่า 2 หมื่นคนที่สอบผ่าน TCAS65 ให้ได้รับทุนต่อเนื่อง “เอนก” รมว.อว. กำชับมหาวิทยาลัยจัดมาตรการดูแลอย่างเป็นระบบ เช่น สนับสนุนทุนการศึกษา หนุนทำงาน Part-time ในมหาวิทยาลัย จัดติวให้สามารถเรียนเท่าทันกับนักศึกษาอื่น เป็นต้น

เมื่อวันที่ 30 ก.ย.65 ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในงานประชุมหารือสถาบันอุดมศึกษาในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายหรือทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ด้อยโอกาสทางสังคมเพื่อสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัด อว. รศ.ดร.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงศ์ รองปลัด อว. ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ ที่ประชุมอธิการบดีสถาบันอุดมศึกษาเอกชน อธิการบดีและตัวแทนจากสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ เข้าร่วม ที่อาคารพระจอมเกล้า สำนักงานปลัด อว. และผ่านระบบออนไลน์

DSC03925

DSC03844  DSC03847

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า อว. ได้มีการปฏิรูปการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้ สำหรับกลุ่มนักเรียนยากจน ยากจนพิเศษ ที่เข้าเรียนเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ในสถาบันอุดมศึกษาในปีนี้ที่มีจำนวนกว่า 20,018 คน กระจายอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 75 แห่งของ อว. จะได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบ ซึ่งตนได้ให้นโยบายแก่สถาบันอุดมศึกษาที่รับนักศึกษากลุ่มนี้เข้าเรียนว่าจะต้องมีมาตรการต่างๆ ในการดูแล อาทิเช่น การสนับสนุนทุนการศึกษา การสนับสนุนการทำงาน Part-time ในสถาบันอุดมศึกษา การดูแลการเรียนด้วยการจัดสอนพิเศษ (ติว) ให้สามารถเรียนเท่าทันกับนักศึกษาอื่นๆ การดูแลการปรับตัวของนักศึกษาให้สามารถเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมของสถาบันอุดมศึกษา และการติดตามสำรวจข้อมูลสถานะการมีงานทำ รายได้หลังเรียนจบ เพื่อจะนำมาใช้ในการกำหนดนโยบายและแนวทางสนับสนุนต่อไปในอนาคต

“การจัดการความไม่เท่าเทียมทางการศึกษา ต้องทำคู่ไปกับการเลื่อนชั้นทางสังคม (social mobility) คือ ทำให้คนลำบากยากไร้ ไม่เพียงแต่เขยิบมาเท่ากับคนปกติแต่ต้องทำให้ดีกว่าคนปกติ ไม่มองว่าพวกเขาเป็นคนป่วยหรือมีปัญหา แต่ต้องมองว่าเป็นช้างเผือกในป่า เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่าของประเทศ เสมือนเพชรพลอยที่ยังไม่ได้รับการเจียรนัย ถ้าเราดูแลให้ดี เอามาฝึกปรือ ปลุกเร้าให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ก็จะกลายเป็นคนเก่ง คนดี ที่จะมาเติมพลังให้บ้านเมือง อย่าให้กลัวความจน เพราะความจนจะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ คนเก่งมาจากความยากไร้มีมากมาย ที่สำคัญ ต้องให้พวกเขาตระหนักว่าสังคมให้โอกาสและดูแลเอาใจใส่ เมื่อประสบความสำเร็จจะต้องกลับมาตอบแทนสังคมเพื่อคนรุ่นต่อไป” รมว.อว.กล่าว

DSC03821

ด้าน ดร.ไกรยส กล่าวว่า หลังจาก กสศ. ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ระดับอุดมศึกษากับ อว. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล และที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 นั้น ล่าสุดได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลนักเรียนที่เคยได้รับทุนเสมอภาคจาก กสศ. และทุนอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี 2561 พบว่า ได้มีการยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา (TCAS) ปีการศึกษา 2565 จำนวน 20,018 คน กระจายอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาจำนวน 75 แห่ง โดยปี 2561 เป็นปีแรกที่ กสศ. เริ่มต้นสร้างระบบฐานข้อมูลสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ด้วยการทำงานร่วมกับ สพฐ. ที่มีคุณครูทั่วประเทศช่วยลงพื้นที่สำรวจและบันทึกข้อมูลนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษให้กับ กสศ. ซึ่งในปีการศึกษา 2561 มีนักเรียนชั้น ม.3 ได้รับทุนเสมอภาคจาก กสศ. และทุนอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานฯ จาก สพฐ. รวม 148,021 คน โดยปีการศึกษา 2564 พบว่านักเรียนกลุ่มนี้เรียนอยู่ชั้น ม.6 ในโรงเรียน สพฐ. 62,042 คน โดย กสศ. ได้เชื่อมโยงข้อมูลนักเรียนที่เข้าศึกษาต่อผ่านระบบ TCAS ปีการศึกษา 2565 ร่วมกับ ทปอ. พบว่ามีนักเรียนยืนยันสิทธิ์ศึกษาต่อ 20,018 คน คิดเป็นร้อยละ 14 ของจำนวนนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษที่อยู่ในระบบการศึกษาชั้น ม.3 เมื่อปีการศึกษา 2561

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวต่อว่า เมื่อจำแนกตามประเภทของสถาบันอุดมศึกษา พบว่า จากนักเรียน 20,018 คน เข้าศึกษาต่อกลุ่มมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐมากที่สุด 7,599 คน คิดเป็นร้อยละ 38 รองลงมาคือกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ 5,891 คน คิดเป็นร้อยละ 29 กลุ่มมหาวิทยาลัยของรัฐ 5,132 คน คิดเป็นร้อยละ 26 กลุ่มมหาวิทยาลัยราชมงคล 1,235 คน คิดเป็นร้อยละ 6 กลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนและอื่น ๆ 161 คน คิดเป็นร้อยละ 1 ในจำนวนทั้งหมดนี้พบว่ามีนักเรียน 6 คน สามารถสอบเข้ากลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย และเข้าร่วมโครงการครูรัก(ษ์)ถิ่นของ กสศ. 25 คน

DSC03915

“จากข้อมูลเชิงลึกจะเห็นว่าประเทศไทยมีเด็กช้างเผือกหรือเด็กจากครัวเรือนยากจนที่สุดได้เรียนมหาวิทยาลัยเพียงร้อยละ 14 จาก 100 คน อาจเป็นจำนวนไม่มาก แต่ถ้าเทียบกับ TCAS ปีการศึกษา 2564 ที่พบว่านักเรียนกลุ่มนี้ได้เรียนมหาวิทยาลัยร้อยละ 12 จาก 100 คน จะเห็นความก้าวหน้าของระบบหลักประกันโอกาสทางการศึกษาที่ กสศ. ร่วมกับ อว. ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในการสนับสนุนช่วยเหลือพวกเขาให้มีโอกาสได้รับการศึกษาต่อเนื่องในระดับอุดมศึกษา วันนี้ กสศ. ร่วมกับ อว. ส่งต่อข้อมูลของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่นักศึกษาสังกัดอยู่ เพื่อให้สถาบันการศึกษาได้พิจารณาทุนการศึกษาหรือให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ เพื่อร่วมกันสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาทั้งระบบ ทั้งหมดเป็นมากกว่าการให้ทุนการศึกษาแต่ยังเป็นการส่งต่อข้อมูลทุกมิติอย่างเต็มที่ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กเยาวชนที่แคลนทุนทรัพย์ด้อยโอกาส และเป็นภารกิจสำคัญของ กสศ.ที่จะดูแลเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับอุดมศึกษา” ดร.ไกรยส กล่าว

DSC03851  DSC03865

ทั้งนี้ มีผลวิจัยชี้ว่า เด็กช้างเผือก (Resilient Students) จากครัวเรือนยากจนที่สุดของประเทศ แม้มีพรสวรรค์มากเพียงใดแต่หากขาดโอกาสทางการศึกษาที่เสมอภาคและระบบนิเวศส่งเสริมการพัฒนาพรสวรรค์ในระยะยาวก็จะไม่สามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่ ประเทศจะสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพหรือที่เรียกว่าปรากฏการณ์ The Lost Einsteins สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากยูเนสโกปี 2558 ระบุว่าเยาวชนจากครอบครัวที่ฐานะยากจนที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศมีเพียงร้อยละ 8 เท่านั้นที่สามารถศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาได้ ต่ำกว่าเด็กที่มาจากครัวเรือนร่ำรวยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศกว่า 6 เท่า ดังนั้นการสร้างระบบหลักประกันโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนกลุ่มนี้ได้รับการศึกษาในระดับสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะส่งผลถึงรายได้จากการประกอบอาชีพหลังสำเร็จการศึกษาและส่งผลถึงโอกาสหลุดออกจากความยากจนข้ามชั่วรุ่น