In News
สธ.แนะนำติดโควิดให้รักษาตามอาการ แม้เล็กน้อยให้แยกตัว5วันยึดDMH100%
กรุงเทพฯ-กระทรวงสาธารณสุข เผย รักษา “โควิด 19” ตามอาการ หากไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย อาจกินยารักษาตามอาการ และแยกตัวเอง 5 วัน หากจำเป็นต้องเดินทางหรือไปทำงาน ให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้นและใช้มาตรการ DMH 100% หากมีอาการมากขึ้นให้ไปพบแพทย์ ย้ำฉีดวัคซีน 4 เข็มช่วยลดรุนแรงได้
วันนี้ (5 ตุลาคม 2565) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวเรื่อง “ติดโควิด 19 แนวทางการรักษาทุกกลุ่มวัย” ว่า ขณะนี้โรคโควิด 19 มีความรุนแรงลดลง จำนวนผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง วันนี้ผู้เสียชีวิตต่ำกว่าหลักสิบราย ส่วนใหญ่เป็นสูงอายุ มีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบตามกำหนด จึงต้องขอย้ำว่าควรไปรับวัคซีนอย่างน้อย 4 เข็ม จะช่วยลดความรุนแรงจากการติดเชื้อได้
นพ.ธงชัยกล่าวต่อว่า สำหรับการตรวจ ATK ไม่จำเป็นต้องตรวจทุกวัน ควรตรวจเมื่อมีอาการเข้าข่ายสงสัย เช่น ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก เป็นต้น หากผลเป็นบวกแต่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย เช่น เจ็บคอเล็กน้อย ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก หรือมีไข้ต่ำๆ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาต้านไวรัส และอาจรับประทานยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ลดน้ำมูก ยาแก้ไอ ลดเสมหะ ดื่มน้ำอุ่น พักผ่อนมากๆ แนะนำให้แยกตัวเอง 5 วัน แต่หากจำเป็นต้องออกจากบ้านหรือไปทำงาน ให้ปฏิบัติตามมาตรการ DMH 100% คือ ใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ล้างมือบ่อยๆเว้นระยะห่างจากคนอื่น แต่หากมีอาการไอมาก ไอบ่อย ไอถี่ หรือมีน้ำมูกมาก ขอให้หยุดงานและงดเดินทาง 5 วัน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการแพร่กระจายเชื้อ แต่หากมีอาการรุนแรงขึ้น ได้แก่ 1.วัดไข้ได้ 39 องศาเซลเซียสขึ้นไป อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 4 ชั่วโมงใน 1 วัน 2.วัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดได้ต่ำกว่า 94% 3.มีภาวะแทรกซ้อนหรือการกำเริบของโรคประจำตัว 4.มีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรง 5.มีภาวะอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และ 6.ผู้ป่วยเด็กที่มีอาการซึม กินได้น้อย มีภาวะขาดน้ำจากอุจจาระร่วงหรือชักจากไข้สูง เป็นต้น ขอให้รีบไปพบแพทย์
“หากผลตรวจเป็นลบ ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อาจจะสวมหน้ากากอนามัยป้องกันตนเอง 2-3 วัน ถ้ามีอาการค่อยตรวจ ATK ซ้ำ สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเชื้อ แนะนำว่ายังจำเป็นต้องใช้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ โดยการสวมหน้ากากอนามัยให้ประเมินตามความเสี่ยง” นพ.ธงชัยกล่าว
นพ.ธงชัยกล่าวอีกว่า แนวทางการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 หากไม่มีอาการ จะรักษาแบบผู้ป่วยนอกไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ให้ปฏิบัติตาม DMH อย่างเคร่งครัด 5 วัน, กรณีมีอาการเล็กน้อย หรือเอกซเรย์ปอดปกติ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงหรือโรคร่วมที่สำคัญ ให้รักษาแบบผู้ป่วยนอก อาจพิจารณาให้ยาฟ้าทะลายโจรหรือฟาวิพิราเวียร์ตามดุลยพินิจของแพทย์ ปฏิบัติตาม DMH เคร่งครัด 5 วัน, หากมีปัจจัยเสี่ยงหรือโรคร่วมสำคัญ อาจมีอาการปอดอักเสบเล็กน้อย หรือไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง แพทย์จะพิจารณาให้ยาแพกซ์โลวิดหรือ เรมดิซิเวียร์ หรือ โมลนูพิราเวียร์ และหากมีปอดอักเสบต้องให้ออกซิเจน หรือความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% ให้รักษาแบบผู้ป่วยใน โดยแพทย์จะให้ยาเรมดิซิเวียร์ ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีและหญิงตั้งครรภ์ หากไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส แต่หากมีปัจจัยเสี่ยง แพทย์จะพิจารณาให้ยาฟาวิพิราเวียร์หรือเรมดิซิเวียร์ หรือหากมีปอดอักเสบจะให้ยาเรมดิซิเวียร์ สำหรับใบรับรองแพทย์เพื่อหยุดงานหรือยื่นเคลมประกัน กรณีผู้ป่วยนอก แพทย์จะออกใบรับรองให้ 5 วัน ส่วนกรณีผู้ป่วยใน ซึ่งอาจจะรักษานานกว่า 5 วัน แพทย์จะออกใบรับรองแพทย์ตามระยะเวลาที่รักษา