In News
นายกฯมอบรางวัลอุตสาหกรรมปี2565 ให้57องค์กรคุณภาพทั้งขนาดใหญ่-SME
กรุงเทพฯ-นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2565 ให้ 57 องค์กรคุณภาพ ย้ำรัฐบาลมุ่งยกระดับขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ควบคู่สร้างการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (5 ตุลาคม 2565) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2565 จำนวน 57 รางวัล ให้แก่สถานประกอบการที่มีความเป็นเลิศในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพลังงาน รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมประเทศ เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กิจการอุตสาหกรรมอื่น ๆ และเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประเทศ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นเกียรติ สรุปสาระสำคัญภายในงาน ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เป็นหน่วยงานหลักด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ ที่ให้ความสำคัญต่อการยกระดับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย ครอบคลุมทั้งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดย่อม ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาลที่จะยกระดับผู้ประกอบการควบคู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย ให้เกิดความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสามารถก้าวสู่มาตรฐานสากลในเวทีโลก การมอบรางวัลฯ ในวันนี้ ถือเป็นความสำเร็จ และความภาคภูมิใจของคนทำงาน ขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น วิริยะอุตสาหะ ของผู้ประกอบการที่ร่วมสร้างสรรค์พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคงยั่งยืน แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีอุปสรรคจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงอย่างรุนแรง แต่ในปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และปรับลดระดับให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จึงขอชื่นชมผู้ประกอบการทุกคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ ร่วมมือร่วมใจในการประกอบกิจการ จนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคที่ยากลำบากมาได้ โดยหลังจากนี้ต้องร่วมมือกันเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรม พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้มีความก้าวหน้าต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อเร่งดำเนินการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เน้นโครงการหรือกิจกรรมที่ให้ประโยชน์แก่ประชาชน รวมทั้งการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคให้แก่ผู้มีรายได้น้อย การสร้างโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อของวิสาหกิจและช่วยเหลือแรงงาน ทั้งด้านค่าใช้จ่ายและการฝึกงาน รวมทั้งเร่งทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างประเทศเพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนและการท่องเที่ยว ซึ่งในการดำเนินงานได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ รัฐบาลยังตระหนักถึงความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด และเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้เทคโนโลยีให้ก้าวหน้า สามารถกระจายออกไปสู่ภาคอื่น ๆ รวมทั้งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก โดยได้ดำเนินนโยบายยุทธศาสตร์ประเทศ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน และเป็นแนวทางที่ทำให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังได้รับการจับตามองจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน ซึ่งนับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เข้มแข็ง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องเร่งพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้ว เพิ่มศักยภาพให้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ให้เป็นประเทศที่พัฒนาในระดับสูง สิ่งที่รัฐบาลวาดหวังคืออุตสาหกรรมไทยต้องเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกันต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกคน และหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อพลิกโฉมประเทศรองรับคนรุ่นใหม่ ให้มีความมั่นคง มีรายได้ มีความรู้ความสามารถ และมีหลักคิดที่ดี ที่จะทำให้ประเทศของเราเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ภายในงาน นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2565 (The Prime Minister’s Industry Award 2022) จำนวนรวมทั้งสิ้น 57 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (The Prime Minister’s Best Industry Award) จำนวน 1 รางวัล รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (The Prime Minister’s Industry Award) จำนวน 36 รางวัล รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 20 รางวัล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมชมนิทรรศการภายในงานของสถานประกอบการที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ด้วย