In News
นายกฯห่วงทรัพย์สินประชาชนถูกน้ำท่วม กำชับจนท.เตือนมิจฉาชีพอย่าฉวยโอกาส
กรุงเทพฯ-นายกรัฐมนตรี ห่วงทรัพย์สินประชาชนผู้ประสบอุทกภัย กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจตราใกล้ชิด เตือนมิจฉาชีฉวยโอกาสลักทรัพย์ซ้ำเติมความเดือดร้อน โทษหนักกว่าปกติ คุก5ปีปรับ1แสนบาท ยันบังคับใช้กฎหมายเด็ดขาด
วันนี้ (9 ตุลาคม 2565) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม น้ำป่าไหลหลากและน้ำทะเลหนุน และเนื่องจากบางพื้นที่ต้องอพยพประชาชนไปพักที่ศูนย์อพยพต่างๆที่ทางราชการจัดไว้ ทำให้ประชาชนต้องทิ้งที่อยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัยในชีวิต นายกรัฐมนตรี ยังห่วงใยทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหมั่นตรวจตราดูแลอย่างเข้มข้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จึงฝากเตือนมิจฉาชีพอย่าฉวยโอกาสลักทรัพย์หรือขโมยตามบ้านเรือนผู้ประสบภัย กรณีนี้ผู้กระทำจะได้รับโทษหนักกว่าปกติเพราะถือว่าเป็นการไปซ้ำเติมผู้ที่กำลังเดือดร้อน โดยจะได้รับโทษ ตามมาตรา 335 (2) ที่กำหนดว่า ผู้ใดลักทรัพย์ในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้ การระเบิด อุทกภัย หรือในที่หรือบริเวณที่มีอุบัติเหตุ เหตุทุกขภัยแก่รถไฟ หรือยานพาหนะอื่นที่ประชาชนโดยสาร หรือภัยพิบัติอื่นทำนองเดียวกันหรืออาศัยโอกาสที่มีเหตุเช่นว่านั้น หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวภยันตรายใด ๆ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท
“แม้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จะจัดกำลังออกตรวจอย่างเข้มงวดกวดขัน แต่ก็ยังพบผู้ที่ไม่มีจิตสำนึก ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่ทุกข์ยากเช่นนี้ หากพบการกระทำเช่นนี้รัฐบาลยืนยันจะให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด”น.ส.ทิพานัน กล่าว
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า รัฐบาลโดย พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ห่วงทรัพย์สินในบ้าน แม้จะมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือบางส่วน แต่ทรัพย์สินบางอย่างมีค่าต่อจิตใจ ในเบื้องต้นนั้นหากเป็นไปได้ขอให้ตรวจตราความแน่นหนาของประตู หน้าต่าง ตรวจอุปกรณ์ไฟฟ้าและตัดกระแสไฟฟ้า เก็บทรัพย์สินและของมีค่าไว้ในที่ปลอดภัย ทั้งนี้รัฐบาลได้ประสานและกำชับเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องดูแลชีวิตและทรัพย์สินอย่างต่อเนื่องและจะเข้มข้นขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หรือพบสิ่งใดผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือโทรแจ้งหมายเลข 191 สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายได้ทันที