In Thailand

พ่อเมืองสิงห์แจงกรณีสาว17นอนเล้าหมู นั่นมัน'ข่าวเก่า!'ปัจจุบันอยู่บ้านหรูแล้ว



สิงห์บุรี-พ่อเมืองสิงห์ ชี้แจงข่าว กรณีสาว 17 หาเลี้ยงครอบครัวอาศัยเล้าหมูนอน เป็นข่าวเก่า ปัจจุบันได้รับความช่วยเหลือแล้ว พร้อมสร้างการรับรู้แจ้งขอความช่วยเหลือทุกเรื่องผ่านสายด่วน 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้ (18 ต.ค. 65) นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยถึงกรณีมีสื่อออนไลน์ เสนอข่าวว่า สาวน้อยวัย 17 ปี พื้นที่อำเภอบางระจัน หาเลี้ยงครอบครัว ต้องอาศัยอยู่ในเล้าหมูเนื่องจากบ้านพังเพราะน้ำท่วม โดยมีรายได้จากเบี้ยยังชีพคนชรา และรับจ้างก่อสร้างประทังชีวิต

นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้ นางศศิธร ริ้วเหลือง ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอค่ายบางระจัน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้แล้วพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว เลขที่ 32/3 ม.3 ตำบลคอทราย อำเภอค่ายบางระจัน มีนางเรณู จันแก้ว ผู้เป็นย่าเป็นเจ้าของบ้าน อาชีพรับจ้าง นายเดชา แก้วศรี อายุ 46 ปี บุตรชาย (พ่อ) นางสาวกาหลง ยินดี อายุ 49 ปี (แม่) และหลานจำนวน 3 คน ได้แก่นางสาวมยุรฉัตร แก้วศรี อายุ 17 ปี ผู้ปรากฏเป็นข่าว ปัจจุบันเรียนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาสิงห์บุรี ชั้นปีที่ 3 นายไพศาล แก้วศรี อายุ 16 ปี ปัจจุบันศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี และเด็กหญิงกัญญารัตน์ แก้วศรี อายุ 12 ปี เรียนที่โรงเรียนเรืองเดชประชานุเคราะห์ โดยข่าวสารการขอรับการช่วยเหลือของนางสาวมยุรฉัตรฯ ที่แชร์ในโลกออนไลน์ในขณะนี้เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งได้มีผู้โพสลงโซเชียลเมื่อประมาณปีเศษที่ผ่านมา

นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่มีผู้โพสขอความช่วยเหลือเมื่อปีก่อน ภาคราชการและภาคเอกชน พร้อมทั้งภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ช่วยเหลือ นางสาวมยุรฉัตรฯ ในเบื้องต้น อาทิ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์จังหวัดสิงห์บุรี ได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน ผ่าน อบต.คอทราย และมีผู้บริจาคเงินสร้างบ้านและเป็นทุนการศึกษาให้นางสาวมยุรฉัตรฯ โดยผ่านทางบัญชีของวิทยาลัยอาชีวศึกษาเป็นผู้เปิดบัญชีและเป็นผู้ดูแลบัญชี และได้นำเงินบริจาคบางส่วนมาช่วยสร้างบ้านให้ใหม่ โดยทางวิทยาลัยเทคนิคสนับสนุนแรงงานซึ่งเป็นนักศึกษาและอาจารย์มาช่วยสร้างบ้าน ซึ่งในระหว่างการก่อสร้างนั้นคนในบ้านจึงต้องย้ายมาอยู่ที่เล้าหมูเก่าซึ่งได้ปรับปรุงเป็นบ้านชั่วคราว ซึ่งในปัจจุบันครอบครัวนี้ได้ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยบ้านที่สร้างใหม่ เมื่อประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทางจังหวัดสิงห์บุรี โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีในขณะนั้น (นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม)ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสั่งการให้หน่วยงานทุกส่วนเข้าดำเนินการช่วยเหลือตามประเด็นข้างต้น โดยเหล่ากาชาดจังหวัดสิงห์บุรีสนับสนุนถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือ ปัจจุบันนางเรณู และพ่อแม่เด็ก ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป นางสาวมยุรฉัตร ผู้ตกเป็นข่าวได้รับเงินช่วยเหลือจากบัญชีผู้บริจาคเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งทางวิทยาลัยอาชีวศึกษาเป็นผู้ดูแลและบริหารบัญชีเงินบริจาคและเบิกเงินเป็นค่าใช้จ่ายของนางสาวมยุรฉัตรเป็นรายเดือน

ายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้ทุกพื้นที่ตรวจสอบว่าในระบบฐานข้อมูลของ TPMAP และ Thai QM มีคนเดือดร้อนรอรับความช่วยเหลือในพื้นที่ตกค้างอยู่หรือไม่ และจะช่วยเหลืออย่างไร อีกทั้งให้มีระบบการข่าวของทุกจังหวัดทุกอำเภอในการรายงานให้รู้ถึงปัญหาทุกข์ยากของคนในจังหวัดทุกตำบลหมู่บ้านด้วย ซึ่งตนได้เน้นย้ำยังนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้วว่า หากพบเห็นกรณีดังกล่าวให้รีบดำเนินการและรายงานนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดโดยเร็ว สำหรับพี่น้องประชาชน หากต้องการความช่วยเหลือ หรือพบผู้เดือดร้อนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ขอให้แจ้งสายด่วน ศูนย์ดำรงธรรม 1567 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกัน "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้พี่น้องประชาชนชาวสิงห์บุรีมีความทุกข์น้อยลงจนหมดไป และมีความสุขอย่างยั่งยืน