In News

รัฐร่วมมือผู้นำศาสนาอิสลามแก้ยาเสพติด เน้นเชิงรุกเป้าวัยรุ่นทำผู้เสพสู่พลังชุมชน



กรุงเทพฯ-ภาครัฐร่วมมือผู้นำศาสนาอิสลามขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดวัยรุ่น เน้นเชิงรุก ตรงกลุ่มเป้าหมาย เปลี่ยนผู้เสพเป็นพลังชุมชน

วันที่ 19 ตุลาคม 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมเร่งแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการแพร่ระบาดยาในกลุ่มวัยรุ่น และการกลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำเมื่อพ้นโทษออกมาแล้ว
 
ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และตรงจุดมากยิ่งขึ้น รัฐบาลโดยกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรึกษาหารือกับนายอรุณ บุญชม ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ถึงแนวทางการปฏิบัติงานในการยกระดับการดำเนินงานต่อเด็กและเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งอยู่ในการควบคุมดูแลให้เป็นไปตามหลักปฏิบัติของศาสนาอิสลาม และเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขบำบัดฟื้นฟู และการติดตามภายหลังปล่อยตัวเด็กและเยาวชนที่นับถือศาสนาอิสลามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
ทางกรมฯได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักจุฬาราชมนตรีในการร่วมดำเนินการปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงานดูแลเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ให้มีความสอดคล้องกับหลักศาสนาและการปฏิบัติในปัจจุบัน พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำในการจัดกิจกรรมและสถานที่ในการดูแลเด็กและเยาวชนให้เหมาะสมกับการปฏิบัติศาสนกิจของศาสนาอิสลาม รวมถึงการส่งเสริมด้านการศึกษาพื้นฐาน การศึกษาทางเลือก และการศึกษาด้านอาชีพผ่านศูนย์การศึกษาอิสลามประจำพื้นที่ (เช่น โรงเรียนปอเนาะ โรงเรียนฮาฟิส)  ตลอดจนการใช้กิจกรรมตามหลักศาสนาอิสลาม (เช่น การท่องจำคำภีร์อัลกรุอาน) เพื่อบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู ปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเด็กและเยาวชน
 
นอกจากนี้ ได้มีการประสานและทำงานร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย เพื่อเตรียมการในการส่งต่อเด็กและเยาวชนที่พ้นจากการควบคุมตัว และส่งเสริมการด้านการศึกษา อาชีพ เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดความเสี่ยงในการกระทำผิดซ้ำ โดยทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันถึงการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเยาวชนให้ได้รับการศึกษาต่อเนื่อง การมีอาชีพรองรับ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งป้องกันมิให้เด็กและเยาวชนยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและกลับไปกระทำผิดซ้ำ จึงวางแผนดำเนินการต่อเนื่องร่วมกับคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เพื่อกำหนดแนวทางการประสานส่งต่อและสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ ต่อไป
 
สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมและบริบทที่ต่างจากพื้นที่อื่น ทางกองทัพภาค4 ยังได้ร่วมบูรณาการการทำงาน โดยขับเคลื่อนโครงการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดโดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง (Community Based Treatment CBTx) ผ่านการมีส่วนร่วมของผู้นำศาสนา และผู้ปกครอง ตั้งแต่ปี 2563 มีตำบลมะนะยง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นตำบลต้นแบบ ขณะนี้สามารถขยายผล มีตำบลเข้าร่วมโครงการและดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม รวม 38 ตำบลนำร่อง  ซึ่งในปีหน้าตั้งเป้าให้ครบ 290 ตำบลในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และสี่อำเภอในจังหวัดสงขลา

การใช้แนวทางCBTx เป็นแนวทางที่สอดสอดคล้องกับวิถีชีวิตคนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการยอมรับของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการ ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน 1. ค้นหาเชิงรุก 2. คัดแยกและคัดกรองเชิงรุก 3. ส่งเข้าบำบัด และ 4. ติดตามผล บ่มเพาะนิสัยใหม่ 5. สร้างอาชีพ

 “การขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายความมั่นคง ข้าราชการในตำบล ผู้นำศาสนา และผู้ปกครอง ซึ่งรัฐบาลจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้การแก้ปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่นำไปสู่การลดจำนวนผู้ติดยาเสพติด และเปลี่ยนผู้เสพให้เป็นพลังของชุมชนต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว