Authority & Harm
ตร.ท่ามะกาบุกจับสาวแสบบุรีรัยม์ต้มเปื้อยสาวซื้อบอนสีไม่ได้ของ

กาญจนบุรี-จับตามหมายศาล ! ตำรวจท่ามะกา กาญจน์ บุกจับสาวแสบบุรีรัยม์ ต้มเปื้อย สาวโรงพยาบาลที่กาญจน์ ให้ซื้อบอนสี ทางเพจออนไลน์ Methini แต่ไม่ได้ของ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นส.มิลค์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี ชาว อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้เข้าพบ ร.ต.อ.(หญิง)ไพลิน เที่ยงลิ้ม รองสารวัตรสอบสวนสภ.ท่ามะกา เพื่อแจ้งความร้องทุกกล่าวโทษต่อ นส.ณี(ขอสงวนชื่อจริงนามสกุลจริง)อายุประมาณ 30 ปี เจ้าของเพจเฟซบุ๊กชื่อ “Methini”ชาว จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหาความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และข้อหา พรบ.คอมพิวเตอร์ หลังจากแจ้งความแล้วเสร็จ พนักงานสอบสวนได้นำผู้เสียหายไปชี้ตัวผู้ต้องหาที่อยู่ภายในห้องควบคุมผู้ต้องหาของ สภ.ท่ามะกา
ทั้งนี้ นส.มิลค์ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงปี 2564 ที่ผ่านมาได้เกิดปรากฎการณ์ ผู้คนนิยมแห่ซื้อบอนสีที่เป็นไม้ประดับยอดฮิต เอามาไว้ประดับบ้านเรือน ตนได้ติดตามข่าวสารจึงเกิดความสนใจที่จะสั่งซื้อบอนสีมาประดับบ้านตามความเชื่อ โดยส่วนตัวตนมีนิสัยชอบต้นไม้ อีกทั้งยังอยู่ในกลุ่มเพจซื้อขายบอนสีอยู่แล้ว ต่อมาตนไปพบเพจชื่อ “ Methini ” ที่ประกาศขายบอนสีพอดี ซึ่งในเพจบรรยายเอาไว้ว่า ถ้าซื้อบอนสีเป็นต้น ราคาจะแพง แต่ถ้าขายเป็นชิ้นผ่าราคาจะลดลงมา และยังบอกว่าหากซื้อแบบชิ้นผ่า เจ้าของเพจจะเลี้ยงให้ด้วย ตนจึงตัดสินใจสั่งซื้อกับ นส.ณี(ขอสงวนชื่อจริงนามสกุลจริง) เพราะเชื่อว่าเมื่อเขาเลี้ยงจนกลายเป็นต้นแล้ว เราก็จะได้นำมาเลี้ยงต่อไปเลย
ครั้งแรกที่ตนสั่งไปคือเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 64 โดยเจ้าของเพจบอกว่าจะเลี้ยงให้อีกประมาณ 2-3 อาทิตย์ เพื่อให้บอลสีเป็นต้นที่แข็งแรงก่อนแล้วจะส่งมาให้ แต่พอเวลาผ่านไป 1 เดือนเต็ม ตนก็ยังไม่ได้ต้นบอนสี ดังนั้นตนจึงทักเพจไปว่า “สวัสดีคะ”เมื่อเจ้าของเพจเห็นเราทักไป เขาจึงได้แคบภาพบอนสีส่งมาให้ดูพร้อมกับบอกว่าต้นไม้ยังไม่โต และขอเวลาเลี้ยงให้เป็นต้นอีกประมาณ 2-3 อาทิตย์ แต่ตนก็เห็นใจจึงให้เวลาตามที่เขาขอมา พอเวลาผ่านไปอีก 1 เดือนเต็ม ตนก็ยังไม่ได้ต้นบอนสีตามที่เขารับปากเอา
ตนจึงทักไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาอีกว่า ต้นบอนสียังไม่โต ขอเวลาเลี้ยงให้โตอีกสักระยะ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าต้นบอนสีมันเลี้ยงให้โตยาก จึงให้เวลาเขาไป และระหว่างรอตนก็ทยอยสั่งไปเรื่อยๆ ครั้งสุดท้าย สั่งไปเมื่อวันที่ 22 ก.พ.65 รวม 8 ครั้ง เมื่อทวงถามไปแต่ละครั้ง เขาก็จะให้เหตุผลแบบเดิมๆ คือบอนสียังไม่โต ทำให้ตนเสียเงินที่โอนไปให้รวมกัน จำนวน 4,660 บาท
โดยช่วงหลังๆ ตนเริ่มเอะใจก็คือ พอตนถามเขาว่าบ้านอยู่ที่ไหน เดียวจะเดินทางไปรับบอนสีเอง เผื่อเป็นเส้นทางผ่าน เขาบอกว่าเขาอยู่จังหวัดนนทบุรี ตนจึงไปรับไม่ได้ เพราะไม่ใช่ทางผ่าน แต่ตนก็ขอให้เขาส่งต้นบอนสีทั้งหมดมาให้ตนภายในเดือน เม.ย.65 ที่ผ่านมา
จนกระทั่งสิ้นเดือน เม.ย.ตรก็ยังไม่ได้รับ และเขาได้ขอผัดผ่อนเวลาส่งบอนสีมาให้อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ตนจึงทักไปว่า จะแจ้งความตำรวจ หากไม่ได้บอนสีตามที่สั่งไว้ ไม่งั้นก็ไม่เอาแล้ว ขอให้โอนเงินมาคืน แต่เขากลับเงียบไป ตนจึงตัดสินใจเดินทางมาแจ้งความตำรวจที่ สภ.ท่ามะกา ในวันดังกล่าว เพราะเชื่อว่า
ถูกหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งตนต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่ามะกาเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่ตนแจ้งความได้ไม่นาน พนักงานสอบสวนได้ไปขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งศาลก็อนุมัติหมายจับให้ และในที่สุดทราบว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่ามะกา ได้เดินทางไปจับกุมตัวผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ถึงที่บ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ แล้วนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.ท่ามะกา
ด้าน พ.ต.ท.ภูริพรรษณ์ โลหะกิจตระกูล รอง ผกก.สส.สภ.ท่ามะกา รรท.ผกก.สภ.ท่ามะกา เปิดเผยว่า ที่มาของคดีคือทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกาได้รับแจ้งทางออนไลน์ว่า ผู้ต้องหาได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กว่ามีการจำหน่ายบอนสี ผู้เสียหายจึงได้สั่งซื้อ โดยห้วงระยะเวลาในการสั่งซื้อ ผู้เสียหายที่อยู่อำเภอท่ามะกาไม่ได้รับบอนสีตามที่สั่ง
ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงได้ประสานไปยังผู้เสียหายรวมทั้งทางผู้ต้องหาเพื่อไกล่เกลี่ยกันว่าจะมีการชดใช้กันอย่างไร ซึ่งก็ได้รับการผัดผ่อนจากผู้ต้องหามาเรื่อยๆ จนถึงห้วงเวลาที่ทางพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการทางด้านกฎหมาย ก็คือการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา เนื่องจากทราบว่าผู้ต้องหาไม่ยอมชดใช้เงินและไม่นำบอนสีที่ผู้เสียหายสั่งไปมาให้ตามเวลาที่พนักงานสอบสวนนัดไว้
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่ามะกาให้ทราบว่าศาลจังหวัดกาญจนบุรีได้อนุมัติหมายจับแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่าผู้ต้องหาไปหลบอาศัยอยู่บ้านสามีที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อทราบที่อยู่เป็นที่แน่ชัดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่ามะกา จึงประสานไปยัง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ช่วยตรวจสอบ จากการตรวจสอบปรากฏว่าผู้ต้องหาอาศัยอยู่ที่บ้านสามีจริง เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันนำหมายจับเข้าจับกุมตัว แล้วนำมาดำเนินคดีที่ สภ.ท่ามะกา ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
ทั้งนี้อยากจะฝากไปถึงผู้เสียหายที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในหลายพื้นที่หลายจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของผู้ต้องหาให้ทราบว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว หากทราบข่าวก็ขอให้เดินทางไปความดำเนินคดีได้ในท้องที่ที่ผู้เสียหายอยู่เพื่อพนักงานสอบสวนในท้องที่ จะได้ทำการอายัดตัวไปดำเนินคดีหรือแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติมได้
สุดท้ายนี้ขอฝากประชาสัมพันธ์ไปถึงประชาชนว่า ปัจจุบันนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้พยายามประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงกลวิธีการโกงของเหล่ามิจฉาชีพซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางโลกออนไลน์หรือสื่อเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่องจึงขอฝากให้สื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ถึงรูปแบบการป้องกันกลโกงทางไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกทางหนึ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกลโกงบอนสีของผู้ต้องหาคนดังกล่าว ทางเจ้าของเพจชื่อ เพจแม่จีน จี๊ดจ๊าด ในติ๊กต็อก ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่มีผู้เสียหายมาร้องเรียนในเพจ ว่ามีผู้เสียหายจากการโกงของผู้ต้องหาประมาณ 175 ราย ความเสียหายรวมกันประมาณ 800,000 บาท หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ท่ามะกาจับกุมตัวผู้ต้องหาได้คาดว่าจะมีผู้เสียหายเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ในแต่ละท้องที่ทั่วประเทศ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอีกเป็นจำนวนมาก
สนั่น-กาญจนบุรี