In News
'นายกฯไทย-ลาว'ร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์ สะพานมิตรภาพ5'บึงกาฬ-บอลิคำไซ'
กรุงเทพฯ-นายกฯ ยืนยันในพิธีวางศิลาฤกษ์สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ไทย และ สปป.ลาว มีความสัมพันธ์ที่พิเศษ เกื้อกูล เคารพซึ่งกันและกัน
วันนี้ (28 ตุลาคม 2565) เวลา 11.50 น. ณ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวแสดงความยินดี และความร่วมมือโครงการฯ โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยสาระสำคัญจากคำกล่าวนายกรัฐมนตรี ดังนี้
นายกรัฐมนตรีรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นประธานร่วมกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองประเทศ และเป็นความคืบหน้าสำคัญจากการหารือของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว เยือนไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2565 สะท้อนซึ่งความสัมพันธ์อันดี เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกันในทุกระดับ มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเสมอมา
พิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพ ความภาคภูมิใจของทั้งสองประเทศที่ร่วมกันพัฒนา และส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันมาโดยตลอด รวมถึงเป็นแบบอย่างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ภายหลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์เป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โดยโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 ถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัฐบาลไทย ในการเชื่อมต่อ สปป.ลาว และภูมิภาค รวมถึงยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของ สปป. ลาว ที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สะพานแห่งนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการไปมาหาสู่กัน เพิ่มทางเลือกในการคมนาคมขนส่งระหว่างไทย กับ สปป. ลาว ตลอดจนช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงในอนุภูมิภาคระหว่างไทย - ลาว – เวียดนามบนเส้นทางหมายเลข 8 รวมถึงสามารถเชื่อมต่อไปยังจีนได้สะดวกมากขึ้น ทำให้การค้าขายในภูมิภาคคล่องตัวและเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น และในบริบทการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 สะพานแห่งนี้จะช่วยรองรับปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยและตอนกลางของ สปป.ลาว โดยเฉพาะระหว่างจังหวัดบึงกาฬ และแขวงบอลิคำไซ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นมากยิ่งขึ้น เกิดการพัฒนาในพื้นที่ และการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในทั้งสองฝั่ง
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายไทยและฝ่าย สปป.ลาว ที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 ให้มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรม เชื่อมั่นว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามกรอบเวลาเพื่อเป็นของขวัญสำคัญให้ชาวไทยและชาวลาวในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน ในปี ค.ศ. 2025 (พ.ศ. 2568) ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล สปป. ลาว ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือที่มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ
ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีวางศิลาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ณ ห้องเดอะวัน คอนเวนชั่น ฮอลล์ โรงแรมเดอะวัน จังหวัดบึงกาฬ
นายกฯ หารือนายกฯ สปป. ลาว ในโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายเป็นประธานร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เชื่อมั่นสะพานแห่งนี้จะเป็นอีกช่องทางให้ประชาชนไปมาหาสู่กัน
วันนี้ (28 ตุลาคม 2565) เวลา 10.00 น. ณ บริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 แขวงบอลิคำไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้หารือทวิภาคีกับ นายพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ซึ่งภายหลังการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์โครงการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพฯ แห่งที่ 5 ซึ่งเป็นไปตามที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ที่ไทย เชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้จะเป็นอีกช่องทางให้ประชาชนตามแนวชายแดนไปมาหาสู่กันได้สะดวกมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีสะพานแห่งอื่นๆ เพิ่มอีก และขอให้ดูแลคนไทยในประเทศลาว ซึ่งคนไทยก็จะดูแลคนลาวในไทยเช่นกัน
นายกรัฐมนตรี สปป. ลาว กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งในวันนี้ ไทย-ลาว มีสะพานเชื่อมโยง แต่ถึงจะไม่มีสะพานคนไทย-คนลาวก็มีใจเชื่อมใจ ขอให้จดจำถ้อยคำ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ที่พึ่งพาถ้อยอาศัยระหว่างสองประเทศ “กินข้าวร่วมนา กินปลาร่วมน้ำ”
นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่าสะพานแห่งนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่แสดงถึงความเป็นมิตรที่ใกล้ชิด และยิ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ของประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น และจะเป็นสะพานที่เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่ทั้งสองประเทศ เนื่องจากจะเป็นทางเลือกการขนส่งระหว่างไทยกับ สปป. ลาว รวมทั้งส่งเสริมการขนส่งเส้นทางหมายเลข 8 (R8) ระหว่างไทย–ลาว–เวียดนามให้สะดวกยิ่งขึ้น
ในส่วนของประเด็นเกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบรางของไทยกับรถไฟลาว – จีน นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายพร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อลดอุปสรรคในการขนส่งและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีให้เต็มที่ ซึ่งต้องการเห็นความคืบหน้า อำนวยความสะดวก ขจัดอุปสรรคต่างๆ
ในโอกาสนี้ ภายหลังการหารือนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว ได้กล่าวแสดงความยินดี และความร่วมมือโครงการฯ ยินดีและเป็นเกียรติ ที่ได้มาร่วมงานที่มีความหมายเป็นสิริมงคลในวันนี้การก่อสร้างนี้เป็นความพยายามมุ่งมั่นของรัฐบาลทั้งสองประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนทั้งสองฝั่ง การขนส่ง ส่งเสริมการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว สนับสนุนการพัฒนาในทั้งสองประเทศเพื่อประโยชน์สูงสุด ของประเทศและประชาชน และในตอนท้ายได้อวยพรให้สองประเทศเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น