Biz news

'อีสท์เวสท์ ซีด'เมล็ดพันธุ์ตราศรแดง 40ปี โชว์ศักยภาพผู้นำบริษัทเมล็ดพันธุ์ผัก



กรุงเทพฯ-บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด (เมล็ดพันธุ์ตราศรแดง) ผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์ผัก ฉลองครบรอบ 40 ปีเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่่งยืน  เปิดบ้านโชว์นวัตกรรมสายพันธุ์ผัก ดอกไม้กว่า 200 สายพันธุ์ในงาน “ความสุขปลูกได้ Field Day 2022 ” บนพื้นที่กว่า 8 ไร่  โชว์สายพันธุ์ที่ตอบโจทย์เกษตรกรทั่วโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเมล็ดพันธุ์  โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานในพิธีเปิด

บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด เป็นผู้นำในธุรกิจเมล็ดพันธุ์ผักและอยู่เคียงข้างเกษตรกรมาตลอด ระยะเวลา 40 ปี มีพันธกิจช่วยเกษตรกรรายย่อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยการใช้เมล็ดพันธุ์ผักที่มีคุณภาพสูง และมุ่งมั่นในการพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร รวมทั้งปรับปรุงพันธุ์พืชตามความต้องการของตลาดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในภาพรวม อีสท์ เวสท์ ซีด ดูแลเกษตรกรกว่า 23 ล้านคนจากทั่วโลก มีพันธมิตรเกษตรกรกว่า 12,000 สัญญาและเมล็ดพันธุ์กระจายไปสู่ลูกค้ากว่า 200 ล้านคน  สินค้าและผลิตภัณฑ์กระจายไปสู่ 74 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุม 200 ตลาดการค้า

นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีสท์ เวสท์ ซีด จำกัด กล่าวว่า “ตลาดเมล็ดพันธุ์ในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมามีผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด 19 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากสงครามรัสเซีย ยูเครน ส่งผลในเรื่องของราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรเกิดความไม่มั่นใจในผลผลิตและการตลาด อย่างไรก็ตามเราคาดหวังว่า ในอนาคตนับจากนี้จะเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยและคนกล้าบริโภคมากขึ้น ตลาดเมล็ดพันธุ์น่าจะฟื้นตัวจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นและเกษตรกรจะมีความชัดเจนและปรับตัวในการเลือกปลูกพืชเพื่อสนองตอบความต้องการของตลาด  ซึ่งนอกจากตลาดเมล็ดพันธุ์ที่เราจำหน่ายภายในประเทศแล้ว เรายังเข้าถึงตลาดในประเทศใกล้เคียงในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคอีกด้วย   ทั้งนี้ อีสท์ เวสท์ ซีด ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพ ปลูกขึ้นง่าย ดูแลง่าย เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้จากการเพาะปลูกได้สูงสุด และเกษตรกรเหล่านี้จะเป็นผู้ผลิตแหล่งอาหารให้กับคนทั่วโลกได้รับประทานพืชผักที่อุดมด้วยคุณประโยชน์จากสายพันธุ์ที่ดีของเรา โดยเรามีนโยบายเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์มาอย่างต่อเนื่องและใช้งบประมาณในการพัฒนาประมาณ 15% มีหน่วยงาน R & D จำนวน 18 สถานี ใน 9 ประเทศ ซึ่งเป้าหมายหลักของเราคือการพัฒนาเพื่อให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน สืบสานจากปณิธานของผู้ก่อตั้งบริษัท มร.ไซมอน แนนน์ กรู๊ท ที่กล่าวว่า เมล็ดพันธุ์ที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตคนนับล้านได้ 

สำหรับการจัดฟิลด์เดย์ในครั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ และเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์และการเพาะปลูก ได้รับรู้ถึงนวัตกรรมการพัฒนาสายพันธุ์ที่บริษัทดำเนินการเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง  ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาใส่ใจการบริโภคผักผลไม้เพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งสามารถนำเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพจากอีสท์ เวสท์ ซีด กลับไปปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน  ซึ่งจะมีพันธุ์ผักที่ไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อน และจะนำมาเปิดตัวครั้งแรกในงานนี้เช่นกัน ”  นายวิชัย กล่าว

ด้าน นายอิสระ วงศ์อินทร์  ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า“ ศรแดงสามารถครองตลาดความเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์ มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันครบรอบ 40 ปี อีสท์ เวสท์ ซีด คือ 1 ใน 10 ของบริษัทจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักรายใหญ่ที่สุดของโลก เราจึงเป็นผู้นำในหลายประเทศสำคัญแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และขยายตลาดอย่างรวดเร็ว ไปยัง ประเทศ อินเดีย จีน แอฟริกา และอเมริกาใต้  สิ่งที่เรายึดถือมาตลอดนั่นก็คือการส่งมอบเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงสู่มือเกษตรกร

ซึ่ง 10 สายพันธุ์ของ อีสท์ เวสท์ ซีด ที่เป็นที่นิยมและขายดีในตลาด คือ มะระ แตงกวาแตงร้าน หัวหอม มะเขือเทศ ฟักทอง ข้าวโพดหวาน พริกขี้หนู ข้าวโพดข้าวเหนียว บวบเหลี่ยม และถั่วฝักยาว  นอกจากนี้ เรามีความโดดเด่นที่นอกเหนือจากการผลิตเมล็ดพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพคือ การบริการหลังการขาย  การเอาใจใส่ในความต้องการของเกษตรกร การให้ความรู้ด้านการเพาะปลูกที่ถูกต้องเพื่อให้ทันกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไป  การถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ  จากการพัฒนาสายพันธุ์พืชผักที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องไปสู่เกษตรกรอย่างสม่ำเสมอผ่านเจ้าหน้าที่ภาคสนาม การนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้ามาช่วยในการทำการเกษตร ซึ่งการจัดฟิลด์เดย์ในครั้งนี้เรามีโซน IOT Smart  Farming ที่เกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ จะทำให้เกษตรกรสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลามากขึ้น สร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”