Travel Soft Power & Sport

เรือสำราญเทียบท่าลำแรกเกาะสมุยคักคัก นักท่องเที่ยววันเดย์ทริปกว่า600คน



สุราษฎร์ธานี-เรือสำราญต่างชาติลำแรกเทียบท่าเกาะสมุย นำนักท่องเที่ยววันเดย์ทริปกว่า 600คน ขึ้นเกาะคาดว่าสร้างรายได้เข้าชุมชนกว่าสองล้านบาท

เช้าวันที่ 27 พ.ย.2565 ที่ ท่าเทียบเรือเร็วลมพระยา หน้าทอน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย พลเรือโท จรัสเกียรติ ไชยพันธุ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 (ผอ.ศรชล.ภาค 2) นางศุภกาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการการท่องเท่ี่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเกาะสมุย นายปกรณ์ กาญจนโอภาส รองนายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย นายอรุณ บุปผโก ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเกาะสมุย นางชนัญทิพย์ ธนภัทรธีรานันท์ อุปนายกสมาคมสปาสมุย  สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับเรือสำราญ“M.V.Viking Mars”จำนวน 636 คน

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกา และสัญชาติออสเตรเลีย พร้อมด้วยลูกเรือจำนวน 470 ขึ้นเทียบท่าจอดแวะที่เกาะสมุย  เป็นลำแรกตั้งแต่สถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ซึ่ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเกาะสมุย ร่วมกับ อำเภอเกาะสมุย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย และพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้จัดชุดการแสดงมโนราห์ มรดกภูมิปัญญา ภายใต้แคมเปญ “Samui Always Warm” ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นเกาะสมุย    ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างถ่ายรูปเพื่อเก็บความประทับใจที่มาเกาะสมุยครั้งแรกด้วยสีหน้ารอยยิ้มแจ่มใส

เรือ M.V. Viking Mars ออกจากต้นทางท่าเรือ Piraeus เอเธนส์ กรีซ  (สาธารณรัฐเฮลเลนิก) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 และแวะท่องเที่ยวและรับผู้โดยสารตามท่าเรือสำคัญรายทางของแต่ละประเทศ  อิสราเอล อียิปต์ จอร์แดน โอมาน อินเดีย ศรีลังกา มาเลเซีย สิงคโปร์ และจอดแวะท่าเรือเกาะสมุยเป็นลำดับท่าที่ 15 (ท่าเรือแรกของประเทศไทย)  ประเภท transit แวะเที่ยว

โดยนักท่องเที่ยวเรือสำราญกลุ่มแรกที่ขึ้นเกาะสมุยนี้  ได้เลือกซื้อโปรแกรมการท่องเที่ยวแบบ One Day Trip เพื่อเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมยอดนิยมได้แก่  วัดพระใหญ่ วัดแหลมสุวรรณาราม หาดเฉวง เที่ยวเชิงธรรมชาติ soft adventure   รับประทานอาหารซีฟู้ดบนเกาะสมุย  และนักท่องเที่ยวบางส่วนได้เดินทางต่อไปยังเกาะพะงัน หมู่เกาะอ่างทอง  สำหรับนักท่องเที่ยวบางส่วนที่ไม่ได้ซื้อโปรแกรมนำเที่ยวจะเดินท่องเที่ยวบริเวณชุมชนท่าเรือหน้าทอน ซึ่งทำให้กระจายรายได้แก่ร้านอาหาร ของที่ระลึก  ร้านนวด/สปา ได้เป็นอย่างดี ไม่ต่ำกว่าสองล้านบาทภายในหนึ่งวัน

นางศุภากาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเกาะสมุย กล่าวว่า “Always Warm” เป็นแคมเปญใหญ่ที่ช่วยปลุกกระแสการท่องเที่ยวของประเทศไทย หลังการสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 โดยจะนำเสนอให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลกมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว สอดรับกับช่วงไฮซีซั่นของการเดินทางท่องเที่ยว   เมืองไทยอากาศอบอุ่น และ ประเทศไทยเป็นเมืองที่ผู้คนมีน้ำใจไมตรี และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งเกาะสมุยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเกาะท่องเที่ยวที่ดีที่สุดอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกในปี 2565 (Asia’s Best Awards 2022: Top 10 Islands in Southeast Asia)  จากนิตยสาร Travel and Leisure  คนเกาะสมุย มีอัธยาศัยมีน้ำใจไมตรียินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยือนด้วยความอบอุ่น ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะแก่การพักผ่อน

ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเกาะสมุย กล่าวอีกว่า เกาะสมุย ยังจะมีโอกาสได้ต้อนรับเรือสำราญ Mein Schiff ของกลุ่ม Tui Cruise ที่นำนักท่องเที่ยวต่างชาติมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565  จนถืง เดือนพฤษภาคม 2566 จึงคาดการณ์ว่าหาก สถานการณ์ปกติ ปีหน้าตลาดเรือสำราญจะทยอยกลับมาสร้างสีสันและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เนื่องจากเส้นทางเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อยู่ในใจของนักท่องเที่ยว และอยากเดินทางแวะพัก และหากการปรับปรุงท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวที่ท่าเรือเกาะสมุย หน้าทอน เสร็จสิ้นในราวปลายเดือนธันวาคม 2566 ก็จะทำให้การรองรับนักท่องเที่ยวเรือสำราญมีความสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนสถานการณ์ทั่วไปด้านการท่องเที่ยวของเกาะสมุย 10 เดือนแรก (มกราคม- ตุลาคม 2565)  ประมาณการผู้เยี่ยมเยือน เกาะสมุย  1.4 ล้านคน/ครั้ง / เกาะพะงัน 0.6 ล้านคน/ครั้ง  และเกาะเต่า 0.3 ล้านคนครั้ง รายได้รวม 10 เดือน จาก 3 เกาะประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดการณ์สิ้นปี 2565  ผู้เยี่ยมเยือนและรายได้ของเกาะสมุย น่าจะกลับมาเกือบร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปี 2562