In Bangkok

กทม.ผนึกสวทช.ดึงเทคโนและนวัตกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตคนกรุงฯ 



กรุงเทพฯ-(28 พ.ย.65) เวลา 14.30 น. : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา เพื่อร่วมกันสนับสนุนการพัฒนารูปแบบและกลไกการดำเนินงานและการให้บริการของกรุงเทพมหานคร นำไปสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ประชาชนมีความสุขมากขึ้น โดยมีกรอบความร่วมมือครอบคลุมเรื่องการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. เพื่อประยุกต์ใช้ในการสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในมิติต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนด้านระบบการศึกษาและสาธารณสุข

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครมีความยินดีขยายความร่วมมือกับ สวทช. ในครั้งนี้ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจาก สวทช. ไปใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและภารกิจของกรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย สุขภาพ สิ่งแวดล้อม การศึกษา การเดินทาง เศรษฐกิจ และการบริหารจัดการ ทั้งนี้การสนับสนุนเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนากลไกการดำเนินงานและการให้บริการของกรุงเทพมหานคร จะช่วยให้การบริหารจัดการแก้ปัญหาเมืองทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข และสามารถพัฒนาเมืองให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน เป็น smart city อย่างแท้จริง

“กทม. มีความพร้อมที่จะพัฒนาความร่วมมือ 5 ด้าน กับ สวทช. เพื่อใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและเทคโนโลยีที่ สวทช. พัฒนาขึ้น ได้แก่ 1. การบริหารจัดการจราจรด้วยระบบอัจฉริยะ (ITMS) เพื่อบริหารจัดการจราจรทั้งโครงข่ายและกวดขันวินัยจราจร 2.การตรวจแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine 3.การศึกษาทางไกล เรื่องสื่อการสอนวิทยาศาสตร์ให้มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกัน 4.ด้าน Open DATA เปิดเผยข้อมูลโปร่งใส และ 5. เรื่องการจัดการสิ่งแวดล้อม ทั้งปัญหาฝุ่นและขยะ เป็นต้น อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ ใช้เทคโนโลยีในการช่วยทำงาน ซึ่งไปใช้ประโยชน์จะช่วยการปฏิรูปการทำงานของระบบราชการ จากการทำงานที่เคยเป็นแบบระบบท่อ ก็เปลี่ยนเป็นการรับเรื่องแก้ปัญหาอยู่บนแพลตฟอร์มและช่วยกันให้บริการประชาชน ซึ่งมีการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงทีโดยที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไม่จำเป็นต้องสั่งการด้วยตัวเอง ที่สำคัญทุกคนสามารถเห็นว่าทุกคำร้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการแก้ไขปัญหา และมีความโปร่งใสเท่าเทียมกันบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม” ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว

ศ. ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า สวทช. เป็นขุมพลังหลักของประเทศ ในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ และ สวทช. พร้อมสนับสนุนกรุงเทพมหานครในการพัฒนาเมืองอย่างเต็มที่ ดังตัวอย่างที่เห็นผลเป็นรูปธรรม เช่น การบริหารจัดการเมืองในรูปแบบเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City โดยกรุงเทพมหานครได้นำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue พัฒนาโดยเนคเทค สวทช. ไปใช้ในการดูแลด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านบริหารจัดการ เช่น การรับเรื่องร้องเรียน การแจ้งจุดเสี่ยง ความสะอาด การบริหารจัดการข้อมูลของเมือง 

สำหรับงานวิจัยที่ สวทช. โดยเนคเทค ได้นำร่องใช้กับกรุงเทพมหานคร อาทิ แพลตฟอร์มรับเรื่องและบริหารจัดการเมือง หรือ Traffy Fondue โดยประชาชนแจ้งปัญหาผ่าน Chatbot ทาง Line Application : @traffyfondue ซึ่งระบบจะวิเคราะห์ปัญหาและส่งไปให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ช่วยให้เจ้าหน้าที่แก้ไขปัญหาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ตรงตามความต้องการของประชาชน ปัจจุบันมีผู้เข้ามาแจ้งปัญหาในกรุงเทพมหานครมากกว่า 180,000 เรื่อง ได้รับการแก้ปัญหาแล้วกว่า 120,000 เรื่อง (อ้างอิงข้อมูล www.traffy.in.th) 

ส่วนในด้านการให้บริการสาธารณสุข เนคเทค สวทช. ได้พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการส่งต่อผู้ป่วย (e-Referral) เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์หลังบ้านเพื่อส่งต่อผู้ป่วยจากระดับปฐมภูมิไปยังระดับทุติยภูมิ และส่งต่อไปยังตติยภูมิหรือหน่วยงานเฉพาะทาง และสามารถส่งต่อระหว่างจากหน่วยปฐมภูมิ (e-Referral) สู่โรงพยาบาล โดยแพทย์สามารถติดตามข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยทั้งสองฝั่งแบบ Real Time และส่งกลับเพื่อการรักษาได้ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานการรับส่งต่อผู้ป่วยเพื่อดูแลต่อที่บ้าน (Home Health Care) ช่วยลดปัญหาความแออัดในการใช้บริการของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานครใช้งานระบบ e-Referral แล้ว 7 แห่ง ได้แก่ 1. รพ.กลาง 2. รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ 3. รพ.ตากสิน 4. รพ.ราชพิพัฒน์ 5. รพ.สิรินธร 6. รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ และ 7. รพ.วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช

นอกจากนี้ สวทช. ยังมีผลงานวิจัยที่ส่งเสริมการดูแลสุขภาพให้พี่น้องประชาชน เช่น ระบบ  A-MED Telehealth แพลตฟอร์มบริการทางการแพทย์ทางไกล ตัวช่วยบุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 กลุ่มสีเขียวและเหลือง ในช่วงวิกฤติการระบาดของโรคโควิด-19 รวมกว่า 1.3 ล้านคน ครอบคลุม 1,500 โรงพยาบาลทั่วประเทศ และเตรียมขยายผลสู่ A-MED Care โดยดำเนินการร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สภาเภสัชกรรม ร้านยาคุณภาพ สำหรับดูแลผู้ป่วยกลุ่มโรคทั่วไป โดยไม่ต้องมาโรงพยาบาล ช่วยลดการเดินทางและค่าใช้จ่ายผู้ป่วย รวมถึงลดความแออัดให้แก่สถานพยาบาล ปัจจุบันมีร้านขายยาในกรุงเทพมหานครที่ได้รับการตรวจสอบและขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 600 ร้าน สามารถดูแลผู้ป่วยกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ดี สวทช. พร้อมใช้ความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา เทคโนโลยี รวมถึงแพลตฟอร์มบริการต่างๆ เพื่อเป็นแรงเสริมสำคัญด้านวิชาการที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานครให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

การแถลงข่าววันนี้ นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ  ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) คณะนักวิจัย และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมงาน ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เขตราชเทวี