In Thailand

แปดริ้ววิกฤต'เด็กวัด'ขาดแคลนอย่างหนัก พระต้องประกาศรับสมัครผ่านสื่อโซเชียล



ฉะเชิงเทรา-วิกฤตผ้าเหลืองขาดคนดูแล หลังสังคมเปลี่ยนไปไม่มีเด็กวัด ทำพระสงฆ์ประกาศรับสมัครงาน หาคนขับรถรับส่งออกบิณฑบาต รับกิจนิมนต์ พาสามเณรไปส่งโรงเรียนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ตั้งเงินเดือนให้ 8 พันถึง 1 หมื่นบาท ด้านชาวบ้านเผยเคยมีเข้ามาสมัครทำงานมาแล้วหลายราย แต่อยู่ได้เพียงไม่กี่วันก็จากออกไป เหตุจากเพราะต้องกินนอนอยู่กับวัด ห่างเหินครอบครัว ทำพากันอยู่ได้ไม่คงทน

วันที่ 30 พ.ย.65 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดอาคมสิทธาภรณ์ ตั้งอยู่เลขที่ 1 ม.1 ต.โยธะกา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ได้มีสื่อมวลชนหลายแขนงต่างพากันเดินทางเข้ามาสอบถามหาข้อมูลจากทางวัด หลังจากพระปลัดคณาธิป สนฺตจิตโต อายุ 34 ปี พรรษา 13 เลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอบางน้ำเปรี้ยว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ โด้โพสต์ข้อความผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของทางวัด (เฟซบุ๊ก) เพื่อรับสมัครงานเป็นลูกศิษย์วัดในตำแหน่งคนขับรถ

พร้อมระบุถึงคุณสมบัติของผู้สมัครมีดังนี้ว่า 1. เป็นคนขยันมีความรับผิดชอบอัธยาศัยดี 2.ขับรถได้รักษาดูแลรถมีความรู้เรื่องรถเบื้องต้น 3.มีมารยาท ความประพฤติดี หากมีความสามารถเรื่องการถ่ายรูป หรือคอมพิวเตอร์จะพิจารณาเป็นพิเศษ โดยมีสวัสดิการดังนี้ 1.มีห้องพักฟรี 2.มีอาหารฟรี 3.รับเงินพิเศษจากการออกงาน 4.เงินเดือน 8,xxx -1x,xxx ตามความขยันและความสามารถ สนใจโทร 0955519797 เจ้าอาวาสวัดอาคมสิทธาภรณ์ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมยังมีการลงแผ่นภาพแสดงรายละเอียด และคุณสมบัติผู้สมัครด้านอื่นๆ ประกอบในสื่อสังคมออนไลน์ด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามข้อมูลจาก น.ส.ตลับ สาทภัย อายุ 79 ปี ซึ่งเป็นแม่ชี บวชอยู่ภายในวัดแห่งนี้ทราบว่า พระปลัดคณาธิป ไม่อยู่เนื่องจากได้ออกรับกิจนิมนต์ไปยังที่ จ.บึงกาฬ ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ และคาดว่าจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาได้เคยมีผู้มาสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้มาแล้วประมาณ 5-6 คน โดยเป็นตำแหน่งคนขับรถ ที่จะต้องคอยรับส่งพระออกไปบิณฑบาต และจะต้องตื่นตั้งแต่เช้าเวลาประมาณ 05.00 น.

จากนั้นจึงมาช่วยกันดูแลทำความสะอาดกุฏิ ศาลา และบริเวณวัด และต้องขับรถเดินทางนำพาสามเณรไปส่งยังที่โรงเรียนพระปริยัติธรรม ยังที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ในตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา (ระยะทางประมาณ 45 กม.) และในช่วงเย็นก็ต้องเดินทางไปรับกลับมาที่วัด รวมถึงยังต้องขับรถออกไปรับส่งเจ้าอาวาสวัด ที่จะออกไปรับกิจนิมนต์ต่างๆ ภายนอกวัดด้วย 

นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ดูแลรักษารถ ล้างรถ และช่วยเหลืองานด้านอื่นๆ ภายในวัด ซึ่งวัดแห่งนี้มีพระสงฆ์จำนวน 2 รูป และสามเณรอีก 3 รูป ขณะในช่วงระหว่างพรรษาจะมีพระสงฆ์จำนวน 5 สามเณร 4 รูป โดยที่ผ่านมานั้นคนขับรถแต่ละคนไม่สามารถอยู่ได้นาน โดยเคยมีผู้ที่อยู่ได้นานที่สุดเพียง 1-2 เดือน จากนั้นก็ต้องลาออกไป โดยมีบางรายนั้นมาอยู่ได้เพียง 1-2 วันก็ต้องลาออกไปเช่นกัน

เนื่องจากต้องกินนอนอยู่กับวัดห่างเหินจากครอบครัว เพราะไม่สามารถนำพาครอบครัวมาอยู่ด้วยภายในวัดได้ และอีกอย่างในความเห็นส่วนตัวนั้น ตนมองว่าเงินเดือนจำนวน 8 พันบาทนั้น ไม่น่าจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในยุคสมัยนี้ และยิ่งหากเป็นคนที่มีลูกมีครอบครัวด้วย จึงไม่น่าจะเพียงพอต่อค่าใช้จ่าย หลายคนจึงอยู่ไม่ได้ โดยงานลักษณะนี้ต้องเป็นคนที่ไม่มีครอบครัวหรือคนโสดจึงจะอยู่ได้ หรือไม่ก็ต้องเป็นคนแถวนี้ 

ขณะที่รายล่าสุดที่เพิ่งออกไปนั้น ได้ออกไปประมาณ 1 เดือนที่แล้ว หลังจากมารับเงินเดือนสุดท้ายไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา สำหรับวัดแห่งนี้ เป็นวัดที่มารดาของตน คือ นางอบ สาทภัย (เกิด พ.ศ.2458) ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อวัย 89 ปี ได้บริจาคที่ดินให้พระสงฆ์ เพื่อสร้างวัดตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสรูปก่อน ในปี พ.ศ.2543 จำนวน 6 ไร่ 3 งานตนจึงมาอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นบ้านเกิด น.ส.ตลับ กล่าว 

โดยผู้สื่อข่าวได้รายงานถึงบรรยากาศภายในวัดแห่งนี้เพิ่มเติมอีกว่า ได้มีการขึ้นป้ายเตรียมจัดทำโครงการต่างๆ เอาไว้มากมายอย่างเป็นระบบและมีแบบแผน รวมถึงมีการขึ้นป้ายประกาศเป็นนโยบายของทางวัดเอาไว้อย่างชัดเจนอย่างเป็นระบบด้วย โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโบสถ์ ที่มีพระประธานสูงที่สุดในโลก เป็นหลวงพ่อรวยทันใจองค์ยืน และการเตรียมจัดสร้างให้วัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำอีกแห่งของ จ.ฉะเชิงเทรา 

เนื่องจากมีทำเลที่สวยงามติดริมฝั่งของลำแม่น้ำนครนายก ที่แยกสาขาออกมาจากแม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำปราจีนบุรี และยังอยู่ไม่ไกลจากจุดบรรจบกันของแม่น้ำทั้ง 3 สาย  

ขณะที่นางวนิดา ชลารักษ์ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/2 ม.1 ต.โยธะกา อดีตข้าราชการครูเกษียณอายุ ซึ่งเป็นชาวบ้านใกล้เคียงที่เข้ามาคอยดูแลช่วยเหลือทางวัดอีกราย เปิดเผยว่า สาเหตุที่วัดแห่งนี้ต้องประกาศรับสมัครเด็กวัด ในตำแหน่งคนขับรถนั้น เนื่องจากแถวนี้ไม่มีคนมาขับรถให้พระสงฆ์ จึงทำให้พระสงฆ์เดินทางไปไหนมาไหนลำบาก เพราะพระจะขับรถเองนั้นไม่ได้ เนื่องจากถูกห้าม

โดยจะมีชาวบ้านมาขับให้ได้บ้างเพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น เนื่องจากชาวบ้านแถวนี้ ล้วนต่างมีภาระหน้าที่ ที่ต้องทำงาน ทำนากันทั้งหมด จนไม่มีเวลามาคอยช่วยเหลือดูแลต่อทางวัดมากนัก ทางเจ้าอาวาสจึงได้ประกาศเปิดรับสมัครคนมาขับรถให้ และเพื่อมาช่วยเป็นแรงงานภายในวัดด้วย ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนเด็กวัดบ่อยๆ นั้น เนื่องจากที่ผ่านมาส่วนมากจะเป็นคนที่มีภาระทางครอบครัว มีภาระทางบ้าน 

จึงอยู่ได้ไม่ทน แค่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นก็ต้องออกไปดูแลครอบครัวของตนเอง เนื่องจากเมื่อมาขับรถให้พระสงฆ์แล้ว ก็จะต้องมากินนอนอยู่ที่นี่ และยังต้องช่วยงานภายในวัดด้วย จึงทำให้ไม่มีเวลากลับไปดูแลทางครอบครัว พวกเขาจึงต้องลาออกไป ซึ่งในอนาคตทางวัดนั้น ได้มีโครงการที่จะจัดให้เป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยวทางสายบุญริมลำน้ำอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด โดยจะจัดให้มีตลาดน้ำด้วย นางวนิดา กล่าว

สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา