Biz news

'มูลนิธิวิชัย ศรีวัฒนประภา'ส่งต่อความสุข รับปีใหม่ด้วยตู้อบเด็กให้รพ.ที่ขาดแคลน



กรุงเทพฯ-ช่วงเวลาแห่งการส่งต่อความสุขและรอยยิ้มของคนไทยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ขอเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่ร่วมสร้างรอยยิ้มและความอิ่มเอมใจให้กับคนไทยผ่านการส่งต่อโอกาสดีๆให้กับเด็กไทยในด้านการศึกษาและสาธารณสุขตามเจตนารมณ์ของคุณวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งมูลนิธิฯที่ต้องการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนด้วยการส่งมอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอที่ขาดแคลนเพื่อสร้างโอกาสในการรอดชีวิต ต่อลมหายใจให้กับทารกและมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กเหล่านี้ได้เรียนหนังสือและนำความรู้ความสามารถไปใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว และสร้างประโยชน์กลับคืนสู่สังคมต่อไป

ที่ผ่านมา มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภาเล็งเห็นถึงความสำคัญของการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้าง “โอกาส”ให้เด็กทารกแรกเกิดที่มีความเสี่ยงได้มีชีวิตอยู่รอดมากขึ้นด้วยการมอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอที่ขาดแคลนเพื่อใช้ในการรักษารวมถึงเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับทารกเมื่อต้องส่งต่อไปรักษายังโรงพยาบาลอื่นที่มีความพร้อมด้านเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า โดยมูลนิธิ วิชัย
ศรีวัฒนประภาได้เริ่มมอบตู้อบเด็กทารกแรกเกิดให้กับโรงพยาบาลประจำอำเภอต่างๆตั้งแต่ ปี2562 ปัจจุบันมอบไปแล้วทั้งสิ้น 70 เครื่อง 70 โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยแพทย์จาก2 โรงพยาบาลที่ได้รับมอบตู้อบเด็กจากมูลนิธิฯ ได้เล่าถึงความจำเป็นของ“ตู้อบเด็กทารกแรกเกิด” ดังนี้

พญ.ศศินิภา สิริสุทธิสุวรรณ กุมารแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลหลังสวนอ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่าโรงพยาบาลหลังสวนมีปริมาณเด็กคลอดอยู่ที่ประมาณ120 คนต่อเดือน เครื่องที่มูลนิธิฯบริจาคให้โรงพยาบาลจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กวิกฤต เด็กคลอดก่อนกำหนดให้ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม เพิ่มอัตราความสำเร็จในการดูแลทารกแรกเกิดลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น อุณหภูมิร่างกายต่ำเกินไปอาจจะติดเชื้อได้ตู้นี้ก็จะเป็นการจำลองการอยู่ในท้องแม่ เป็นบ้านให้เด็ก ซึ่งตู้อบเด็กที่ได้รับบริจาคนี้ทางโรงพยาบาลจะได้ใช้ดูแลทารกได้มากขึ้นไม่ต้องส่งต่อไปโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลที่ไกลขึ้น

พญ.กอบกาญจน์ ชามพูนท สูตินารีแพทย์ โรงพยาบาลพรหมพิรามอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กล่าวว่า การที่มูลนิธิฯได้บริจาคตู้อบเด็กให้โรงพยาบาลทำให้สนับสนุนการทำงานได้มากขึ้นเพราะการส่งเด็กที่มีน้ำหนักน้อยหากเราไม่ใช้ตู้อบเด็กจะควบคุมอุณหภูมิไม่ได้เราต้องควบคุมอุณหภูมิและการหายใจให้ดีก่อนส่งต่อไปโรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เรายังไม่มีตู้อบเด็กเครื่องใหม่เราจำเป็นต้องใช้ถุงถั่วเขียวเอาไปเวฟมาให้ความอบอุ่นเด็กทำให้มีความเสี่ยงเรื่องความร้อนที่มีมากเกินไปเพราะควบคุมอุณหภูมิไม่ได้และถ้าเด็กตัวเย็นเกินไปจะทำให้เด็กหยุดหายใจได้ซึ่งบางครั้งเด็กที่คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย อายุครรภ์น้อยจำเป็นจะต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราชถ้าไม่มีตู้อบเด็กทารกสำหรับเคลื่อนย้ายจะค่อนข้างเสี่ยงเพราะระยะทางไกลมีโอกาสที่เด็กจะเสียชีวิตระหว่างส่งตัวได้

ในด้านการศึกษา มูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภาสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่เรียนดี ประพฤติดี มุ่งมั่นขยันหมั่นเพียร แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่ต้องการศึกษาต่อด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาให้เยาวชนเหล่านี้ได้เรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1,ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือ ปวช. 1โดยจะมอบทุนการศึกษาให้จนจบระดับปริญญาตรีเป็นการติดอาวุธทางการศึกษาให้เป็นใบเบิกทางได้เติบโตและเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทักษะวิชาชีพ อันจะเป็นหนทางในการเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งมูลนิธิฯได้เริ่มให้ทุนการศึกษามาตั้งแต่ปี 2563 ปัจจุบันมีนักเรียนที่ได้รับทุนแล้วทั้งสิ้น 41คน โดย 2 นักเรียนที่ได้รับทุนจากมูลนิธิฯ ได้เผยถึงความรู้สึก ดังนี้

ด.ช. ระพีภัทร จันคำ หรือ น้องอ้น นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนหนองแวงวิทยาคม อ.หนองสูง จ.มุกดาหารนักเรียนทุนรุ่นแรกของมูลนิธิฯ กล่าวว่า อาศัยอยู่กับยายอายุ 72 ปีไม่มีรายได้อื่นนอกจากเบี้ยผู้สูงอายุ จึงรู้สึกดีใจมากที่ได้รับทุนการศึกษาหากไม่ได้รับทุนคงจะได้เรียนจบแค่ชั้น ม.6 เพราะที่บ้านยากจนแต่เมื่อได้รับทุนแล้วทำให้สามารถเรียนต่อได้จนถึงปริญญาตรี เมื่อจบ ม.3ตั้งใจจะสอบเข้าโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.มุกดาหารเพราะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นโปรแกรมเมอร์ ขอขอบคุณมูลนิธิฯที่ให้โอกาสได้เรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี ตนจะตั้งใจเรียนและทำความฝันให้เป็นจริง เมื่อเรียนจบจะได้มีอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว

นางสาวดรุณี พลศร หรือ น้องไอซ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม อ.พรานกระต่ายจ.กำแพงเพชร นักเรียนทุนรุ่นแรก กล่าวว่าดีใจที่ได้รับทุนการศึกษาของมูลนิธิฯเพราะตอนแรกคิดว่าเมื่อจบ ม.3 คงไม่ได้เรียนต่อแล้วเนื่องจากปู่กับย่าไม่มีรายได้ทำให้ชีวิตมีความหวังและมีโอกาสขึ้นมา ความใฝ่ฝันของตนคืออยากเป็นพยาบาลตั้งใจว่าถ้าจบแล้วจะได้กลับมาทำงานเป็นพยาบาลดูแลคนในชุมชนดูแลปู่กับย่าที่อายุมากแล้วและมีร่างกายไม่แข็งแรง

นับเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของมูลนิธิ วิชัย ศรีวัฒนประภา ในการส่งความสุขสร้างรอยยิ้ม ต่อลมหายใจและมอบโอกาสให้กับเด็กและเยาวชนให้ได้มีชีวิตและอนาคตที่ดีต่อไปในภายภาคหน้า และแน่นอนว่ามูลนิธิฯจะยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นสานต่อปณิธานอันแรงกล้านี้ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง