In News

เตือนลมหนาวมาอีกระลอก28-31ม.ค.นี้ ลดลงอีก 2-4 องศาฯแนะนำดูแลสุขภาพ



กรุงเทพฯ-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงใยประชาชนช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง 28-31 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาฯ แนะดูแลสุขภาพ-ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดจากสภาพอากาศแห้ง

วันที่ 28 มกราคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ช่วงนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในหลายพื้นที่ทั้งอากาศหนาวเย็นลงตอนเช้าในพื้นที่ตอนบน และฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว โดยจากรายงานลักษณะอากาศทั่วไปของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ในช่วงวันที่ 28-31 มกราคม  2566 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลง กับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส และในช่วงระหว่างวันที่ 27-31 มกราคม 2566 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ขณะที่ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง รวมทั้งประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ขอให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม 

นายอนุชาฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือทุกด้าน ทั้งการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก ความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ ระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที ตลอดจนประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น

“ในส่วนของพื้นที่ที่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ที่มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งในระยะนี้ รวมไปถึงควรสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเมื่อต้องเข้าไปทำกิจกรรมหรือรวมกลุ่มคนจำนวนมากและที่แออัด หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากโควิด-19 แม้สถานการณ์ในไทยคลี่คลายแล้ว ตลอดจนการเข้ารับวัคซีนเข็มป้องกันโควิด-19 เข็มกระตุ้น เพื่อลดอาการรุนแรงและการเสียชีวิตหากติดเชื้อ และให้อยู่ร่วมกับโควิด-19 อย่างปลอดภัยป้องกันไม่ให้เกิดการกลับมาแพร่ระบาดซ้ำอีก” นายอนุชาฯ กล่าว