In Thailand
สองตายายวอนสื่อลูกชายถูกรถชนคู่กรณีทิ้งต้องออกจากงานช่วยกันดูลูก
นครปฐม-สองตายาย วอนสื่อช่วย หลังลูกชายถูกรถบรรทุกน้ำแข็งชนท้ายรถจักรยานยนต์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ต้องทิ้งงานก่อสร้างทั้งคู่ มาช่วยดูแลบุตรชายนอนติดเตียงนานกว่า 6 เดือนโดยคู่กรณีไม่เคยเหลียวแล ซึ่งเคยเรียกร้องบริษัทประกัน 1 ล้านแต่เสนอมา 1 แสนแล้วเงียบหายไป
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 นายคำตัน บุตาวัตร อายุ 70 ปีอาชีพก่อสร้าง อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน หลังจากที่ลูกชายประสบอุบัติเหตุเมื่อ 6 เดือนก่อน จนทุกวันนี้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง สะโพกหลุด และผ่านการผ่าตัดสมอง ยังไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ขณะที่คู่กรณีที่ประสบเหตุก็ไม่เคยติดต่อมาดูแล หรือสอบถามสารทุกข์ตั้งแต่เกิดเหตุ
โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านสุขเกษมซอย 3 ที่อยู่ 38/2 หมู่ 4 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม และได้พบกับ นายคำตัน บุตาวัตร อายุ 70 ปี และนาง วิณา บุตรวัตร อายุ 68 ปี 2 สามีภรรยา อาชีพก่อสร้าง และเป็นพ่อแม่ของ นาย พรชัย บุตรวัตร อายุ 44 ปี ซึ่งนายคำตัน บุตาวัตร ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ลูกชายได้ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ขณะที่ลูกชายของตนได้รถ จยย.ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มเอสโซ่ก่อนถึงทางเข้าตลาดน้ำทุ่งบัวแดงและได้ขี่ออกมามีรถบรรทุกส่งน้ำแข็งยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 83-6026 นนทบุรี ชนด้านท้ายอย่างจังทำให้ลูกตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้ารักษาตัวเร่งด่วนที่โรงพยาบาลบางเลน และพบว่ามีอาการกระทบกระเทือนที่สมอง ทำให้ต้องส่งตัวต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลนครปฐมทำการผ่าตัด
นาง วิณา บุตรวัตร ผู้เป็นแม่ บอกว่า หลังจากผ่าตัดได้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนครปฐมเป็นเวลา 1 เดือนกว่า จากนั้นจึงได้ออกมารักษาตัวต่อที่บ้านโดยตลอดเป็นระยะเวลากว่า 5 เดือนโดยตนต้องทิ้งอาชีพก่อสร้าง เนื่องจากตนเองต้องประกอบอาชีพก่อสร้าง เพื่อหาเงินมารักษาดูแลลูกชายที่ประสบเหตุ ซึ่งต้องจ่ายค่าจ้างพยาบาลอีกเดือนละเกือบ 10,000 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นสำหรับผู้ป่วยติดเตียง และที่ผ่านมานั้นตนเองดูแลลูกมาโดยตลอดโดยต้องช่วยกันกับสามีกันลำพัง
นาง วิณา ยังบอกอีกว่า หลังจากที่เกิดเหตุแล้ว ทางครอบครัวได้เรียกค่าสินไหมจากประกันเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาททางฝ่ายตัวแทนประกันภัยได้ยื่นข้อเสนอเป็นค่าสินไหมให้กับนายพรชัยผู้บาดเจ็บเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาทส่วนทางนายคำตัน บุตาวัตร พ่อ ไม่รับข้อเสนอดังกล่าวเพราะเป็นเงินที่ไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูงในระยะยาว
ส่วนทางด้านคู่กรณีกลับนิ่งเฉย และไม่เคยเหลียวแลเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดเหตุมา ซึ่งตนเองก็ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นและทางพ่อกับแม่ก็ไม่ได้ทำงานอาศัยเงินจากรัฐบาลเดือนละ 600 บาทในการหาเงินมาดูแลลูกชายที่ป่วยจนหมดอนาคต และที่ผ่านมาพยายามจะหาหนทางในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกชาย แต่เนื่องด้วยไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมาย และเกรงว่าครอบครัวจะได้รับอันตราย จึงไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาผู้ใดหรือหน่วยงานใดจึงวอนสื่อให้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้หน่วยงานและผู้รับผิดชอบช่วยด้วย