หนุ่มอุดรฯลงหาปลาเป็นตะคริวจมน้ำดับ

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 - 08:27 น.

---

อุดรธานี-หนุ่มใหญ่ อายุ41ปี มาหาปลากับเพื่อนในลำห้วยหลวง ม.5 ต.สร้างแป้น เกิดเป็นตะคริวขึ้นมาจมน้ำไม่มีใครเห็น 

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 25 64 เวลา 17.30 น.   ศูนย์วิทยุ191 ตำรวจภุธรจังหวัดอุดรธานี ได้รับแจ้งจากนายคำแปลง  คนทน  อายุ55ปี  อยู่บ้าน16 ม.3 ต.สร้างแป้น อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นกำนันตำบลสร้างแป้น ว่า มีชาวบ้าน ได้ไปหาปลาแล้วจมน้ำหายไปในน้ำในลำห้วยหลวง ม.5 ต.สร้างแป้น จากนั้น ร.ต.อ.อดุลชัย ขาวขำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เพ็ญ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมเขต อ.เพ็ญ รุดไปตรวจสอบ 

 ในที่เกิดเหตุเป็นลำห้วยซึ่งมีความลึกประมาณ 2 เมตร  พบชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์  โดยชาวบ้าน กับเพื่อนผู้ตาย ได้ลงไปในน้ำใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงพบนำร่างไร้วิญญาณ ของ นายสำรอง ธุระเทพ อายุ41ปี อยู่บ้านเลขที่  17 ม.3 ต.สร้างแป้น  จึงนำขึ้นมาบนฝั่ง ก่อนตำรวจจะมาถึง  โดยกำนันได้ทำการจุดธูป บอกดวงวิญญาณผู้ตาย จะพากลับบ้าน 

จากการสอบสวนนายคำแปลง  คนทน ให้การว่า ตนเป็นกำนัน ทราบว่า นายสำรอง ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากับเพื่อนตั้งแต่เมื่อคืนนี้  โดยนายสำรอง ชอบดื่มสุราเป็นประจำ  จากนั้นได้ชักชวนกันกับเพื่อนๆ ออกมาลำห้วย เพื่อหาปลาไปทำกับแกล้มกิน ซึ่งนายสำรอง ได้นั่งรออยู่บนบริเวณแพยกยอ เพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก3คนไปเอาตาข่ายเพื่อมาดักปลา จากนั้นเพื่อนกลับมาก็ไม่เห็นนายสำรอง 

จากนั้นได้ตามหาบริเวณรอบๆ ลำห้วยแต่ก็ไม่เห็น พบเพียงแต่รองเท้า,โทรศัพท์มือถือและห่อบุหรี่ ของผู้ตาย คาดว่านายสำรอง อาจจะเมาลงไปในน้ำเกิดเป็นตะคริวขึ้นมา ไม่ใครเห็น ช่วยไว้ได้ทัน แล้วเพื่อนของผู้ตายที่มาด้วยกัน มาบอกตน จึงได้ประกาศหอกระจายข่าว ให้ชาวบ้านออกมาช่วยกันค้นหา  ก่อนพาลูกบ้านกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ทำการลงงมหาจนพบร่างของผู้ตาย จึงได้นำขึ้นมาคาดว่า นายสำรอง อาจจะมีอาการเมา แล้วลงไปในน้ำแล้วเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาไม่มีใครเห็นก่อนที่จะจมน้ำดังกล่าว

ร.ต.อ.อดุลชัย ขาวขำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เพ็ญ  เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่านายสำรองผู้ตายจะมีอาการเมาและได้ลงไปในน้ำเพื่อหาปลา แล้วเกิดเป็นตะคริว จึงได้จมเสียชีวิต จึงมอบศพให้เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมเขต อ.เพ็ญนำศพไปไว้ ที่รพ.เพ็ญ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

กฤษดา  จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี