Authority & Harm

หนุ่มบ้านดุงลง'เราชนะ'ไม่ผ่านผูกคอตาย



อุดรธานี-แม่หนุ่มบ้านดุงเผย ลูกชายลงเราชนะไม่ผ่านคิดสั้นผูกคอตาย เผยเคยเตือนสติลูกชาย "ลงไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"

หลังจากที่มีข่าว นายทรงศักดิ์ ทองเจียว อายุ 49 ปี หนุ่มใหญ่ ชาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในบ้านพัก หลังจากที่ขอเงินแม่ซื้อโทรศัพท์ใหม่ 2,000 บาท เพราะลูกชายบอกว่าจะเอาไปลงทะเบียน “เราชนะ” แต่คาดว่าจะลงทะเบียนเราชนะไม่ผ่าน จากนั้นได้ก้มกราบลาแม่ แล้วไปผูกคอตัวเองจนเสียชีวิตในบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หลังจากนั้น นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอบ้านดุง นำเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปพบกับแม่ผู้เสียชีวิต เพื่อสอบถามสาเหตุ ให้กำลังใจ และมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้จำนวนหนึ่ง ก่อนที่ทางครอบครัวจะทำพิธีฌาปนกิจศพไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวานนี้   

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 15.00 น.  ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี  ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 20 หมู่ 9 บ้านดุงเหนือ ต.บ้านดุง อ.บ้านดุง บ้านของนายทรงศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ที่เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สภาพทรุดโทรม มีลูกและหลาน 5 คน ของนางประครอง ทองเจียว อายุ 76 ปี แม่ของนายทรงศักดิ์ ผู้เสียชีวิตอยู่ที่บ้าน และ น.ส.โสภิต ทองเจียว อายุ 26 ปี หลานสาวของนายทรงศักดิ์  ผู้เสียชีวิต ที่เป็นผู้ที่ลงทะเบียน “เราชนะ” ให้กับนายทรงศักดิ์ฯ โดยมี นายปภินวิช ศรีกุล ปลัดอำเภอเป็นตัวแทนนายอำเภอบ้านดุง และเจ้าหน้าที่จากกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบ้านดุง ที่ลงพื้นที่มาพบครอบครัวของ นางประครอง เพื่อให้กำลังใจ และแจ้งให้ทราบถึงสิทธิต่าง ๆ ที่หน่วยงานต่าง ๆ จะเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของ นายทรงศักดิ์ 

ซึ่งทางนายปภินวิช ปลัดอำเภอ ได้นำโทรศัพท์ของนายทรงศักดิ์ มาตรวจสอบสิทธิอีกครั้ง ปรากฎว่าเข้าไม่ได้ แต่เมื่อใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนของเขา ทำการตรวจสอบสิทธิ มีข้อความขึ้นมาแจ้งว่า “ท่านได้ยื่นขอสละสิทธิเรียบร้อยแล้ว” ซึ่งอาจจะทำให้นายทรงศักดิ์ เข้าใจว่า ลงทะเบียนแอพเราชนะไม่ผ่าน และมือไปกดสละสิทธิเองหรือไม่

นางประครอง ทองเจียว อายุ 76 ปี แม่ของนายทรงศักดิ์ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ลูกชายทำอาชีพรับจ้างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับคนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ก่อนจะเกิดเหตุลูกชายก็ไม่ได้บ่นอะไรให้คนทราบ เพราะลูกชายมีนิสัยไม่ค่อยพูด เรื่องการลงทะเบียนเราชนะของลูกชาย ตนก็ไม่รู้เรื่องกับเขา เห็นแต่ลูกโทรศัพท์หาหลานที่ทำงานอยู่กรุงเทพให้ลงทะเบียนให้ มีแต่ตนได้ยินลูกชายบ่นว่า หลานทำให้จะผ่านหรือเปล่า ก่อนหน้าลูกก็เอาบัตรประชาชนไปทำที่ธนาคารกรุงไทย ก็มาบอกว่าแม่ได้แล้ว แอพกระเป๋าตังเข้าได้แล้ว แล้วลูกก็โทรศัพท์ไปหาหลานอีกว่า ทำไมแอพกระเป๋าตังหายไปเงินก็ไม่เข้า แต่ตอนนั้นลูกก็ไม่ได้มีอาการเครียดอะไร  

“มีแต่ก่อนที่ลูกจะไปคิดสั้น ตนกลับมาจากอำเภอ ลูกเข้ามาเห็นแม่นั่งอยู่ ลูกก็เข้ามากราบแล้วบอกว่า แม่ครับลูกขอโทษนะยกโทษให้ผมนะแม่นะ ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่าทำไมลูกทำแบบนั้น ทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ถามเขาว่า ขอโทษแม่เรื่องอะไร เพราะไม่เคยเห็นลูกทำแบบนี้สักครั้ง แล้วลูกก็ขึ้นไปข้างบน แม่ก็นั่งอยู่ข้างล่างคิดว่าลูกขึ้นไปนอน ตอนที่ลูกมากราบขอโทษก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะไปคิดสั้น คิดว่าลูกมากราบแม่เฉย ๆ ไม่ได้แปลกใจอะไร จนหลานกลับมา จึงรู้ว่าลูกชายก่อเหตุไปแล้ว” 

นางประครอง บอกอีกว่า หลังเกิดเหตุมีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาดูแล ต่อไปตนก็ต้องดูแลทั้งลูกหลานเหลน แต่ไม่รู้จะไหวไหม เพราะอายุมากแล้ว ซึ่งตนทำอาชีพนวดแผนโบราณ รายได้ไม่แน่นอน ส่วนที่ลูกมาคิดสั้นจะเพราะแอพเราชนะหรือไม่ ก็อาจมีส่วนหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ เพราะลูกเป็นคนไม่พูด แต่ตนก็บอกว่าถ้าได้หรือไม่ได้ก็เพราะบุญของเรา ไม่ได้ก็ช่างเถอะ แต่ลูกบอกว่าซื้อโทรศัพท์มาแล้ว ขอให้ได้เงินคืน ตนยังบอกว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร โทรศัพท์พันกว่าบาทเอง  ลูกคงไปคิดเอาว่า ไม่ได้เงินมาให้แม่ เพราะลูกเคยบอกว่า ถ้าได้เงินมาจะให้แม่ทั้งหมด

ด้าน น.ส.โสภิต ทองเจียว อายุ 26 ปี หลานสาวของผู้เสียชีวิต ที่เป็นผู้ที่ลงทะเบียน “เราชนะ” ให้ เปิดเผยว่า ผู้ตายเป็นลุง โดยตนไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งตนเป็นคนสมัครแอพเราชนะให้ บอกลุงให้พิมพ์เราชนะในกูเกิล แล้วทำตามวิธีทุกขั้นตอนจนผ่าน และได้รับ sms ว่า มีการโอนเงินจำนวน 2,000 บาทให้แล้ว ตนก็โทรมาบอกลุง แต่ลุงไม่สามารถเข้าแอพเป๋าตังได้ แต่ก็ยังไม่ได้โทรศัพท์ไปบอก จากนั้นลูกสาวตนที่อยู่บ้านที่นี่ ได้สมัครเฟซบุ๊คขอเป็นเพื่อน แล้วจึงได้วีดีโอคอล มาคุยกัน โดยให้หลานสาวและลูกสาวของตนเป็นคนทำให้ตามขั้นตอน จนถึงขั้นตอนการสแกนหน้ายืนยันผ่านแล้ว แต่ช่วงที่เข้าระบบเป๋าตัง ครั้งสุดท้ายตนก็ไม่รู้ว่าได้หรือไม่ แต่ลุงก็ไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับการเข้าแอพเป๋าตัง 

หลังจากนั้นเมื่อมาพบว่าในการตรวจสอบสิทธิ ปรากฏว่า มีข้อความขึ้นมาว่า “ท่านได้ยื่นขอสละสิทธิเรียบร้อยแล้ว” ซึ่งตนคาดว่าลุงคงจะเข้าไปกดผิด เพราะว่าข้อความ OPD เข้ามาแจ้งในโทรศัพท์หลายครั้ง คาดว่าลุงคงจะพยายามเข้าระบบ ซึ่งตนก็คิดว่าคงเข้าได้แล้ว ได้ใช้เงิน 2,000 บาทแล้ว เพราะลุงก็ไม่โทรมาหาตนอีก ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็รู้สึกเสียใจในการจากไปของลุง และแกก็โทรหาตนครั้งสุดท้ายวันที่ 22 กุมภาพันธ์ แล้วลุงก็ไม่โทรหาตนอีก ซึ่งยายก็บอกตนว่าหลังจากนั้นลุงก็ได้ขอโทรศัพท์จากยาย เพื่อจะโทรมาหาตนแต่ก็ไม่ได้โทร ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะโทรมาเรื่องอะไร อาจจะเรื่องนี้ก็ได้ 

กฤษดา  จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าว จ.อุดรธานี