Authority & Harm

นร.ม.6ถูกมิจฉาชีพหลอกขอเลขบัญชี ทำธุรกรรมโกงเงินทางโชเชียลนับแสนบาท



นครราชสีมา-นักเรียนชั้น ม.6 โคราช ถูกมิจฉาชีพ หลอกขอเลขบัญชี ก่อนนำไปทำธุรกรรม ขายชุดนอน โกงเงินลูกค้าทางโซเชียล สูญเงินนับแสน หลบหนีลอยนวล ด้านธนาคารพบมีการกดเงินที่ จังหวัดพิษณุโลก 7 ครั้ง 

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 64 น้องเอ (นามสมมุติ)อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาได้นำใบแจ้งความพร้อมด้วยเอกสารการสนทนา ให้ทางสื่อมวลชนได้ดู หลังจากถูกผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อเนย โน๊ะ ที่รู้จักทางโซเชียลหลอกขอเลขบัญชีและบัตรประชาชน ก่อนนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ทำให้ตนเองเสื่อมเสีย จึงอยากเตือนภัยเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์และไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพนี้อีก 

 น้องเอ(นามสมมุติ) เล่าว่า ตนพบเห็นผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อเนย โน๊ะ ในเฟสบุ๊ก โฟสข้อความหาคนทำงานเสริม รายได้ดี เพียงแค่ให้โฟสโปรโมทสินค้า ตนจึงได้ทักไปหา เมื่อวันที่ 25 มกราคม ก่อนที่มิจฉาชีพ จะให้ตนลองออกแบบตัวหนังสือใส่ในภาพที่ส่งมาให้ เพื่อเป็นการโปรโมท และขอสมุดบัญชีพร้อมด้วยบัตรประชาชน เพื่อที่จะเบิกเงินบริษัทให้เป็นค่าตอบแทน วันละ 300 บาท แต่ตนก็ไม่ได้นำข้อความหรือภาพดังกล่าวมาโฟสในเฟสบุ๊กตนแต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่ามันงานที่ได้เงินมาง่าย โดยเงินจำนวนดังกล่าวก็สามารถช่วยเหลือค่ากับข้าวครอบครัวได้เนื่องจากว่าตนฐานะไม่ดี ซึ่งตนไม่รู้เลยว่ามิจฉาชีพ กำลังหลอกขายสินค้าประเภทชุดนอน ตามโซเชียล ก่อนจะมีลูกค้าหลงเชื่อและค้าโอนเงินผ่านบัญชีตน ซึ่งมีเงินเข้าตลอดเวลาเฉลี่ยวันละ3,000-20,000 บาท รวม 8 วัน มีเงินหมุนเวียนจำนวน 110,000 บาท ต่อมามิจฉาชีพจะโทรเฟส มาบอกให้ตนโอนเงินกลับมาคืน จำนวน 7 ครั้ง โดยโอนเงินผ่านแอปธนาคาร ซึ่งมิจฉาชีพ ได้รอกดเงินอยู่หน้าตู้ ซึ่งรอให้น้องบอกรหัสผ่าน ก่อนที่จะกดเงินออกมาอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าคนร้ายชื่ออะไร ซึ่งตนก็ถามว่าทำไม่โอนเงินเข้าบัญชีตนเอง ซึ่งทางมิจฉาชีพ แจ้งว่าทำบัตรหายบาง ธนาคารปิดบาง จึงทำให้หลงกล โดยเรื่องมาแดงเพราะว่า ลูกค้าที่สั่งออเดอร์ชุดนอน โอนเงินหลักหมื่น แต่ไม่ได้สินค้ากลับมา จึงไปแจ้งความตามเลขบัญชีที่โอนไป ก่อนที่ตำรวจจะโทรหาตน หลังจากนั้นตนได้เข้าไปที่ ผู้ใช้เฟสบุ๊ก ชื่อเนย โน๊ะ อีกครั้งพบว่า เฟสดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว จึงรู้ว่าถูกหลอกเลยมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา 

 ทั้งนี้ตนได้ติดต่อประสารงานไปยัง ธนาคาร พบว่ามีการ กดเงินจริงจำนวน 7 ครั้ง ในช่วงเวลาเดียวกัน 20.00 น.เป็นต้นไป โดยผู้มากดเงินจะมากดเงินที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จังหวัดพิษณุโลก ที่เดียว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามติดต่อขอภาพคนกดเงินเพื่อมาสอบสวนขยายผลต่อไป จึงอยากเตือนภัยสำหรับนักศึกษาอาจจะรู้ไม่เท่าทันกลุ่มมิจฉาชีพ และอาจจะตกเป็นเหยื่อได้ และอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งออกติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา