Biz news

ททบ.5-ก.เกษตรฯดึงเจดี.คอมเว็บช้อปจีน เปิดตลาดสินค้าเกษตรพรีเมียมไทยในจีน



กรุงเทพฯ-“ททบ.5-ก.เกษตรฯ”  ประกาศจับมือ “JD” ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซประเทศจีน นำสินค้าเกษตรไทย เช่น ทุเรียน ข้าวหอมมะลิ อีกทั้ง ผ้าไหมไทย เครื่องสำอาง เครื่องหนัง ขายผ่านแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ “เจดีดอทคอม (JD.com)หวังเป็นช่องทางช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้ผู้ผลิตสินค้าเกษตรรวมถึงผู้ประกอบการไทย ช่วงวิกฤติโควิด-19

พลโท รังษีกิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ในฐานะตัวแทนกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2563 ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวลดลง ล่าสุด กระทรวงการคลัง ได้ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.8 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.3 ถึง 3.3) จากเดิมที่ต้นปีคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี2564 จะขยายตัวอยู่ที่ 3-4% โดยหลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้รับผลกระทบ การท่องเที่ยวชะลอตัว จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าเกษตร ยอดขายสินค้าลดลง ทำให้เกษตรกร มีรายได้ลดลงตามไปด้วย

เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้าเกษตร เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการต่างๆ ททบ.5 จึงจับมือกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดึงพันธมิตรอย่าง  “JD”  ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซประเทศจีน นำสินค้าเกษตรไทย เช่น ทุเรียน ข้าวหอมมะลิ รวมทั้งสินค้าผ้าไหมไทย เครื่องสำอาง เครื่องหนัง ฯลฯ ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “เจดีดอทคอม (JD.com)โดยเน้นสินค้าระดับพรีเมียมเป็นหลัก

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ทาง ททบ.5  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเจดีดอทคอม ได้ประชุมหารือความร่วมมือในการนำสินค้าเกษตรและสินค้าไทยขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ “เจดีดอทคอม (JD.com)โดยคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะนำสินค้าใดขายในช่องทางดังกล่าวได้ก่อน

ซึ่งการนำเสนอสินค้าเกษตรขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ “เจดีดอทคอม (JD.com) จะเป็นการไลฟ์สดส่งตรงไปยังลูกค้าสมาชิกของเจดีดอทคอม ซึ่งทางเจดีดอทคอมจะเป็นผู้รับออร์เดอร์ให้ไทย และส่งออร์เดอร์ดังกล่าวกลับมาให้ OHLALA SHOPPING.com ซึ่งเป็นตัวกลางแพลตฟอร์มออนไลน์ของไทย เพื่อเตรียมออร์เดอร์ส่งกลับไปยังประเทศจีน โดยจะใช้เวลาจัดส่งถึงมือผู้บริโภคชาวจีนภายใน 2 วัน

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า แนวคิดการจับมือกับ “เจดีดอทคอม (JD.com)  นำเสนอสินค้าเกษตรไทยไปสู่มือผู้บริโภคชาวจีน ผ่านระบบออนไลน์ของทางททบ.5 ครั้งนี้ ถือว่าเป็นระบบการขายรูปแบบใหม่ หรือเป็นอนาคตแห่งการขายสินค้าเกษตรที่เปลี่ยนจากการขายในช่องทางปกติมาใช้ระบบออนไลน์ขายล่วงหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการยกระดับสินค้าเกษตรไทย ช่วยแก้ปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาดช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ช่วยสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับภาคการเกษตรซึ่งหลังจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะทำการคัดเลือกสินค้าเกษตรที่ดีได้ผลิตผลที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคเข้าร่วมโครงการ พร้อมเชิญชวนเกษตรกรที่สนใจได้นำสินค้าเข้าร่วมโครงการและขยายตลาดสู่ต่างประเทศมากขึ้น

“กระทรวงเกษตรฯขอขอบคุณททบ.5 ที่ริเริ่มโครงการที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศ ซึ่งรูปแบบการนำเสนอสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ นับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรเป็นอย่างมาก ถือเป็นการยกระดับสินค้าเกษตรให้ดีขึ้นในระยะยาวและผลักดันสินค้าเกษตรกรรมไทยไปสู่มือผู้บริโภคชาวจีนได้มากขึ้น นับเป็นช่องทางอนาคตที่สินค้าเกษตรไทยจะทำตลาดในต่างประเทศมากขึ้นด้วย”นายฉันทานนท์กล่าว

สำหรับ JD.com  ปัจจุบันคือ ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีน จนได้รับการขนานนามว่า อเมซอนแห่งจีน ในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยมี นายริชาร์ด หลิว เป็นผู้ก่อตั้ง ทั้งนี้  JD.com มีจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง 2 ประการได้แก่ 1.วางตัวเองตั้งแต่เริ่มธุรกิจว่า เป็นอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าของแท้เท่านั้น เพื่อความเชื่อมั่นในตัวสินค้าที่จำหน่าย และ2.การมีระบบขนส่งเป็นของตัวเอง เพื่อควบคุมประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีในแพลตฟอร์ม JD.Com ตั้งแต่หน้าร้านค้าไปถึงมือผู้บริโภค

ทั้งนี้มีรายงานประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 28,457 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33.8% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2562 และมีกำไรสุทธิ 2,328 ล้านดอลลาร์