In Bangkok

สก.ธนบุรีดันเพิ่มเงินให้ชุมชนตามขนาด   เพิ่มการเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับศก.



กรุงเทพฯ-ในที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 3) ประจำปีพุทธศักราช 2566 : นายจิรเสกข์ วัฒนมงคล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตธนบุรี เสนอญัตติขอให้กรุงเทพมหานครพิจารณากำหนดแนวทางการเบิกจ่ายเงินค่าสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ตามที่กรุงเทพมหานครได้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนการพัฒนาชุมชน พ.ศ.2536 และได้มีประกาศระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนการพัฒนาชุมชน พ.ศ.2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 โดยกำหนดบัญชีอัตราค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการสนับสนุนการพัฒนาชุมชนและเงื่อนไขการเบิกจ่าย สำหรับค่าสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชนให้เบิกจ่ายแบบเหมาจ่าย โดยให้ประธานกรรมการชุมชน เหรัญญิก และกรรมการชุมชนผู้ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการชุมชนอีก 1 คน เป็นผู้ลงลายมือชื่อรับเงินร่วมกัน แต่ในทางปฏิบัติหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้แนวทางการเบิกจ่ายเงินค่าสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชน โดยกำหนดรายการและอัตราในการเบิกจ่ายเงินแต่ละรายการไว้ เช่น ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่มในการประชุมกรรมการชุมชนจำนวน 25 บาท/คน และค่าอาหารและเครื่องดื่มในการจัดกิจกรรมที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป จำนวน 50 บาท/คน ซึ่งไม่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ดังนั้น จึงขอให้กรุงเทพมหานครพิจารณากำหนดแนวทางการเบิกจ่ายเงินค่าสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการชุมชนให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
“ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ชุมชนต้องรับภาระในการดูแลกันเอง โดยไม่มีหน่วยงานเข้ามารับผิดชอบ ถือว่าเป็นภาระใหญ่ของกรรมการชุมชนที่ต้องดูแลลูกบ้านของตนเอง และต้องรอแต่สิ่งของบริจาค รวมถึงเมื่อเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดจำนวนมากทำให้เตาเผาศพของวัดแตก ไม่สามารถใช้งานได้ ชุมชนก็ต้องช่วยกันหาเงินมาสร้างใหม่เอง รวมถึงจัดการทำบุญให้แก่กระดูกที่ญาติไม่มารับกลับไปด้วย ถือว่าเป็นบทบาทหน้าที่ของชุมชนที่หลายคนมองข้ามไป นอกจากนี้จากสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันยังพบว่าชุมชนยังได้รับเงินสนับสนุนจำนวนไม่มาก โดยชุมชนขนาดเล็กได้รับ5,000 บาท ขนาดกลางได้รับ 7,500 บาท ชุมชนขนาดใหญ่ 10,000 บาท จึงขอให้มีการปรับขึ้นเงินให้กับชุมชน โดยชุมชนขนาดเล็กได้รับ10,000 บาท ขนาดกลางได้รับ 15,000 บาท และชุมชนขนาดใหญ่เป็น 20,000 บาท รวมถึงเพิ่มค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าอาหารว่างจากเดิม 25 บาท เป็น 50 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันด้วย” ส.ก.จิรเสกข์ กล่าว

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ได้อภิปรายสนับสนุนในญัตตินี้ด้วย เนื่องจากค่าครองชีพในปัจจุบันค่อนข้างสูง ในขณะที่เงินที่ให้ชุมชนน้อยลง จำเป็นต้องปรับให้เข้าสถานการณ์ ที่สำคัญกรรมการชุมชนมาจากการเลือกตั้ง ที่มาทำหน้าที่ดูแลปัญหาให้กับชาวชุมชน สนับสนุนการทำงานของเขต 

นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบันรุมเร้าประชาชนเป็นอย่างมาก การที่ชุมชนต้องนำเงินส่วนตัวไปซื้อของและนำมาเบิกกับเขตเป็นเรื่องที่ยาก และบางชุมชนไม่มีผู้ที่จะสำรองเงินในส่วนนี้ได้ จึงอยากให้ฝ่ายบริหารตั้งเป็นกองทุนชุมชนหรือกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้สามารถเบิกยืมไปใช้งานก่อน นอกจากนี้ประธานชุมชนและกรรมการถือเป็นจิตอาสา และเป็นอาสาสมัครหากเป็นไปได้ ควรเพิ่มเป็นเงินเดือนให้กับประธานชุมชนเช่นเดียวกับอาสมัครครู ซึ่งประธานชุมชนหลายท่านก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย การให้เงินเดือนถือว่าเป็นขวัญกำลัง ถือว่าเป็นการพัฒนาเส้นเลือดฝอยที่จะส่งผลให้ชุมชนได้พัฒนาอย่างจริงจังและยั่งยืน

นายสมชาย เต็มไพบูลย์กุล ส.ก.เขตคลองสาน กล่าวว่า เงินของชุมชนไม่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ และเห็นว่ามีอีกหลายเรื่องที่กรุงเทพมหานครติดค้างชุมชนอยู่ อาทิ เรื่องเบี้ยประชุมรายเดือนที่ถึงแม้จะปรับมาเป็น 1,000 บาท ซึ่งสภาพปัจจุบันถือว่าไม่มาก นอกจากนี้ขั้นตอนการเบิกจ่ายยังเป็นไปยาก บางครั้งนานกว่า 2 เดือน ซึ่งน่าเห็นใจชุมชนมาก ควรเบิกจ่ายให้ตรงเวลา รวมถึงควรเร่งรัดเรื่องเบี้ยประชุมกรรมการชุมชน และการมอบเสื้อให้กับกรรมการชุมชนด้วย

“เรื่องเงินสนับสนุนชุมชนขอรับกรอบเงินที่ส.ก.เสนอไปพิจารณา รวมถึงอัตราค่าอาหารที่เหมาะสมด้วย ในส่วนเบี้ยประชุม ปัจจุบันประธานและเลขาจะได้รับ 1,000 บาท ซึ่งจะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้ และปรับให้มีเบี้ยประชุมสำหรับกรรมการชุมชนคนละ 500 บาท ต่อเดือน  ซึ่งทั้งกทม.มีจำนวน 18,000 ท่าน ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยผู้บริหารนี้ รวมถึงมอบชุดให้ต่อ 1 วาระ (3 ปี) ซึ่งไม่เกิน 600 บาทต่อคน เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานก็จะสามารถดำเนินการต่อได้ สำหรับการประชุมของกรรมการชุมชนแต่ละครั้งต้องมีรายงานด้วย เช่น การทำงานตามยุทธศาสตร์ เรื่องผู้ป่วย ยาเสพติด ซึ่งเป็นภาระงานที่ได้มอบให้กรรมการชุมชนติดตาม” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  กล่าว

ทั้งนี้ ส.ก.จิรเสกข์ ได้ขอบคุณผู้ว่าฯกทม. ที่ได้รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการ จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับญัตตินี้ และได้ส่งให้ฝ่ายบริหารพิจารณาดำเนินการต่อไป