Think In Truth
'ท็อป วราวุธ'เปิดว้าวที่แปดริ้วชูนโยบาย พัฒนายั่งยืนไม่แจกเงินเรียกคะแนน
ฉะเชิงเทรา-“ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา” มาเปิดว้าว..! ประเทศไทยที่แปดริ้ว ชูนโยบายพัฒนายั่งยืนไม่แจกเงินประชานิยมเรียกคะแนน เน้นแก้ปัญหาทั้งในปัจจุบันไปถึงอนาคต ผุดฝันสร้างปัจจัยเสริมภาคเกษตรยุคใหม่ เปลี่ยนวิถีทางทำกินสู่ความยั่งยืนแบบลงรากลึก พร้อมดันนโยบายปัดฝุ่นผู้สูงวัยให้หวนกลับมาทำงานสร้างประโยชน์ให้แก่แผ่นดิน ก่อนแจกเงินอุดหนุนให้คนรักสุขภาพ พร้อมเดินหน้าตามรอยพ่อด้วยการแก้ รธน.จากภาคประชาชนอย่างแท้จริง
วันที่ 19 เม.ย.66 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา (ท็อป) หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ดร.นันทพร ดำรงพงศ์ รองเลขาธิการพรรค นายสันติ กีระนันทน์ กรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ได้เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยนายเฉลิง จูจำรัส ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา เขต 1 หมายเลข 8 ฉะเชิงเทรา หาเสียงที่บริเวณลานที่ดินส่วนบุคคลของผู้สมัคร ใกล้กับทางสามแยกบางขวัญ เขตติดต่อระหว่างพื้นที่ อ.เมือง และ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา
โดยนายวราวุธ ได้กล่าวปราศรัยถึงนโยบายของพรรค ที่ระบุว่านโยบายที่ดี คือ นโยบายที่แก้ปัญหาในวันนี้และแก้ปัญหาในอนาคต ไม่ใช่แก้ปัญหาในวันนี้แล้วมาสร้างภาระหนี้สินไว้ให้แก่ลูกหลาน โยนภาระหนี้สินโยนปัญหาทั้งหลายไว้ให้แก่คนรุ่นลูกรุ่นหลานใช้หนี้แทนในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากได้ โดยสิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนานำเสนอให้แก่ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีอาชีพทำนาเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในเขต อ.เมืองนั้น มากถึงกว่า 2 แสนไร่
คือ การมอบพันธุ์ข้าวอย่างดีให้แก่ชาวนาฟรีทุกคน นอกจากจะมีพันธุ์ข้าวปลูกดีแล้ว หัวใจในการทำการเกษตร คือ น้ำ จากตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ทำหน้าที่ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เคยมาเจาะสำรวจ และเจาะบ่อบาดาลให้แก่ชาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ในพื้นที่อีอีซีหลายพันบ่อ จึงมีแผนที่น้ำที่สมบูรณ์ที่สุดใน จ.ฉะเชิงเทรา เป็นสิ่งที่จะมอบให้ คือ บาดาลเพื่อการเกษตร
โดยจะจัดให้มีแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ให้แก่ทุกตำบล ทุกหมู่บ้านมีน้ำกินน้ำใช้ ทั้งด้านอุปโภคบริโภค โดยไม่ต้องกลัวภัยแล้งกันอีกต่อไป ส่วนนโยบายที่ 3 นั้นจะขยายเขตไฟฟ้าเพื่อการเกษตร เพื่อลดต้นทุนในการสูบน้ำเข้านารวมทั้งพืชสวน แทนการใช้น้ำมันที่มีราคาแพงในราคาหน่วยละ 2 บาท ถือเป็นนโยบายที่จะเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรทั่วประเทศ ที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะนำมามอบให้
ขณะที่แนวทางการทำงานเพื่อการรักษาสุขภาพประชาชนนั้น ทางพรรคมีเงินให้แก่ผู้ที่ไม่เจ็บป่วยตลอดระยะเวลา 1 ปีเป็นเงิน 3,000 บาททุกคน โดยเป็นนโยบาย “สุขภาพดีมีเงินคืน” เพื่อให้ประชาชนสนใจต่อการรักษาสุขภาพ ทำให้ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย นอกจากจะได้เงินคืนแล้ว ประเทศชาติยังได้กำลังสำคัญจากทรัพยากรบุคคลที่ยังสามารถสร้างผลผลิตให้แก่ประเทศชาติได้ ภายใต้ความเชื่อที่ว่า ให้ทุกคนนั้นยืนบนขาของตนเอง ในการที่จะกลับเข้ามาทำงานให้แก่แผ่นดินไทยได้ทุกคน
จากนโยบายทั้งหมดนี้ ไม่ใช่นโยบายที่นั่งเทียนเขียน มีการระดมสมองในการสร้างนโยบายมาจากผู้ชำนาญการด้านการเงินระดับประเทศ จากผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร ที่มีประสบการในการทำงานกับภาคประชาชนและคนรุ่นใหม่ จากการทำงานที่ผ่านมาทั่วทั้ง 76 จังหวัด ได้มีการรับฟังปัญหา จึงทราบว่าประชาชนจังหวัดใดมีปัญหาอย่างไร และทั่วทั้งประเทศนั้นมีปัญหาอย่างไร ก่อนนำมากำหนดเป็นแนวนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา
และเป็นสิ่งที่พูดมาโดยตลอดว่านโยบายที่ดีนั้นต้องไปรับฟังมาก่อน ไม่ใช่การนั่งเทียนเขียน และต้องเป็นนโยบายที่แก้ไขปัญหาได้ ทั้งในวันนี้และแก้ไขปัญหาในอนาคตไปพร้อมกัน ไม่ใช่นโยบายที่พูดกันง่ายๆ ที่แจกเงินกันในวันนี้แต่เป็นหนี้ในวันหน้า นี่เป็นสาเหตุที่พวกเราชาวชาติไทยพัฒนาที่ได้มาขึ้นเวทีในวันนี้ เพี่อมาขอคะแนนให้แก่ นายเฉลิง จูจำรัส ผู้สมัครเขต 1 ฉะเชิงเทรา มาขอคะแนนให้แก่พรรคชาติไทยพัฒนา
จากอดีตที่พรรคเคยมี ส.ส.ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรามาแล้ว วันนี้อยากมาทำงานอีก อยากมาแก้ไขปัญหาให้แก่ชาว จ.ฉะเชิงเทรา อีก ทั้งภัยแล้งทั้งผลผลิตทางการเกษตร และอีกหลายเรื่อง แต่วันนี้เราไม่มีหู ไม่มีตา เราไม่มีกระบอกเสียงของพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา มาทำงานให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา จึงฝากให้กาเบอร์ 18 ให้แก่พรรค และหมายเลข 8 ให้แก่ผู้สมัครแบบแบ่งเขต ได้เข้ามาเป็นกระบอกเสียง เป็นตาให้แก่พวกเราชาวชาติไทยพัฒนา
เพื่อให้ได้เข้ามาบอกกับพวกเราว่า พี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา นั้น ยังเดือดร้อนเรื่องอะไร เพื่อนำไปพูดในสภาแล้วนำงบประมาณมาแก้ไขปัญหา และหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้ไปข้างหน้าได้ คือ รัฐธรรมนูญ จากอดีตเมื่อครั้งที่ยังเป็นพรรคชาติไทย เมื่อครั้งรุ่นคุณพ่อ (นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี) ได้ฝากสมบัติ ฝากมรดกชิ้นสำคัญ และดีที่สุดให้แก่คนไทยไว้ คือ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540
ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในปี 2538 ที่มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วยการหาผู้แทน ซึ่งเป็นตัวแทนจากภาคประชาชนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ ในทุกสาขาอาชีพ และทุกอายุทุกเพศวัย เข้ามาเป็นตัวแทนในการร่างรัฐธรรมนูญ จนได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในประเทศ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจริงๆ จนในปี 2550 และ 2560 ที่ยิ่งแก้ยิ่งแย่ลง ในวันนี้จึงมาบอกว่าถ้าชาติไทยพัฒนาได้มีโอกาสเข้ามาทำงาน รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจะต้องกลับมาอีก
ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากการเสนอโดยคนทั้ง 66 ล้านคน ในนามของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นสิ่งที่ชาติไทยพัฒนาเคยทำมาแล้ว จึงได้มาขอโอกาสจากชาว จ.ฉะเชิงเทรา โดยเฉพาะชาว อ.เมือง อ.บ้านโพธิ์ ให้โอกาสได้เข้ามาทำงานอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หัวใจของชาติไทยพัฒนา คือ ผู้สูงอายุทุกคน ในการที่จะหางาน สร้างอาชีพให้แก่ผู้สูงอายุ เป็นอีกหนึ่งในหัวใจสำคัญที่พวกเราทราบกันดีว่าผู้สูงอายุนั้นเป็นบุคคลที่ยังมีความสำคัญ ยังมีพลังสมองมีประสบการณ์อยู่มากมาย และไม่ควรให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านเฉยๆ หากเรามีโอกาสได้เข้ามาทำงาน จะเข้ามาสร้างอาชีพโดยให้ทุกๆ บริษัท จะต้องจ้างงานผู้สูงอายุ จะต้องนำสมองนำความรู้ของผู้สูงอายุกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นแรงผลักดันให้แก่สังคมไทยของทุกคน นี่เป็นการทำงานที่ไม่ทิ้งใครเอาไว้ข้างหลัง ที่จะมีทั้งคนรุ่นใหม่ และรุ่นใหญ่ทำงานด้วยกัน
ทำให้ประเทศไทยนั้นเดินไปข้างหน้าด้วยความมั่นคงปลอดภัยและยั่งยืน “นโยบายว้าว ไทยแลนด์” ในทุกเรื่องของพวกเรา สร้างมาจากความมั่งคั่งความมั่นคงของทรัพยากรที่ประเทศไทยเรามี และแปลงความมั่นคง มั่งคั่งเหล่านั้น ให้กลายมาเป็นโอกาสให้กลายมาเป็นความหวังของคนไทยทั้ง 66 ล้านคน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังที่จะเดินไปด้วยกัน และนี่คือ “ชาติไทยพัฒนา ที่ยึดคำมั่น สัจจะและกตัญญู” นี่คือหัวใจของพวกเรา ในวันนี้มาขอคะแนน ขอโอกาสเข้ามาทำงาน เข้ามารับใช้พี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา นายวราวุธ กล่าว
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา