Biz news

ไฮเนเก้น0.0ส่งแคมเปญ'เพียวมอลต์'สู้!



ไฮเนเก้น0.0 ส่งแคมเปญ “เพียวมอลต์” ย้ำเครื่องดื่มคุณภาพดีต้องผลิตจากมอลต์แท้เพื่อรสชาติเพียวๆ มอลต์เต็มๆ

 

กรุงเทพฯ - 9มีนาคม 2564 – เมื่อ “คุณภาพ” “รสชาติ” และ “วัตถุดิบ” เป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อเครื่องดื่มมอลต์ของนักดื่มกลุ่มพรีเมียม ซึ่งไม่ต่างจากภาพลักษณ์ของแบรนด์และการออกแบบแพคเกจจิงไฮเนเก้น0.0 จึงหันมาสื่อสารเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์พรีเมียมของผลิตภัณฑ์ที่เริ่มตั้งแต่วัตถุดิบในการผลิต

“เพียวมอลต์”เป็นแคมเปญที่ไฮเนเก้นสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อย้ำถึงคุณภาพของวัตถุดิบ ที่ส่งผลต่อรสชาติเพียวๆ มอลต์เต็มๆ ของเครื่องดื่ม โดยคำว่า เพียวมอลต์ สื่อให้เห็นถึงการใช้ข้าวมอลต์บาร์เลย์เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดเดียวในการผลิตเครื่องดื่ม โดยไม่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ อย่างเช่น ข้าว ข้าวโพด หรือ น้ำตาลปะปนอยู่ในส่วนผสมของการผลิต

นายธีรภัทร พงศ์เมธีผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัททีเอพี กล่าวว่า “สำหรับไฮเนเก้น สิ่งที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือ รสชาติและประสบการณ์การดื่มของผู้บริโภคนั่นเป็นเหตุผลที่ไฮเนเก้น 0.0 มีความพิถีพิถันในการผลิตเช่นเดียวกับแบรนด์หลักเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ และคุณภาพสูงอย่างเพียวมอลต์ ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานและการรับรองเรื่องคุณภาพ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนนำแอลกอฮอล์ออกจากเครื่องดื่มเพื่อให้ได้เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ยังคงรสชาติเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไฮเนเก้น รสสัมผัสนุ่มลึกกลิ่นหอมของมอลต์และฟองหนานุ่ม โดยไม่ได้เติมน้ำตาลเพื่อเพิ่มความหวานซึ่งเพียวมอลต์ให้ผลลัพธ์ในเชิงรสชาติที่ดี และแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ”

จากผลการสำรวจนักดื่มกลุ่มพรีเมียม พบว่า รสชาติและแพคเกจจิง เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญสูงสุดในลำดับแรกเพราะบ่งบอกถึงคุณภาพและช่วยกระตุ้นการอยากทดลอง สิ่งสำคัญถัดมาคือ ส่วนผสม/วัตถุดิบที่ดี จะช่วยบ่งบอกถึงคุณภาพของเครื่องดื่ม ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อและกลับมาซื้อซ้ำ

ส่วนประเทศต้นกำเนิดของแบรนด์จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นและน่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งไฮเนเก้น 0.0เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ในทุกความต้องการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของนักดื่มกลุ่มพรีเมียม โดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุดิบที่ดี ซึ่งผลิตมาจากมอลต์แท้

สำหรับการผลิตเครื่องดื่มมอลต์ คาร์โบไฮเดรตที่ใช้ในการผลิตเครื่องดื่มจะเป็นตัวกำหนดรสชาติ และคุณภาพของเครื่องดื่มนั้นๆ รวมถึงสี กลิ่น และความนุ่มของตัวเครื่องดื่ม นี่เป็นเหตุผลที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องตระหนักรู้ และเข้าใจถึงวัตถุดิบที่เป็นจิตวิญญาณของเครื่องดื่มมอลต์ และความแตกต่างของคาร์โบไฮเดรตที่นำมาใช้ในแต่ละชนิด

มอลต์จากข้าวบาร์เลย์เป็นชนิดที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดีที่สุด มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ว่าจะเป็น กลิ่นหอมของมอลต์ สีน้ำตาลสวยธรรมชาติ และรสชาติที่หวานจากธรรมชาติ เนื่องจากข้าวมอลต์บาร์เลย์นั้น มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลได้ดีกว่าธัญพืชอื่นๆ ทำให้ข้าวบาร์เลย์นั้นให้ความหวาน หอม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นธัญพืชยอดนิยมที่นำไปผลิตเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมียมกันอย่างแพร่หลาย

ส่วนคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ ที่นำมาผลิตเครื่องดื่ม จะเรียกรวมๆกันว่า AdjunctGrains เช่น ข้าว และข้าวโพดก็ถูกเรียกรวมอยู่ในนี้ด้วย เหตุที่ธัญพืชอื่นๆ ยกเว้นข้าวบาร์เลย์ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เพราะต้องมีการเติมน้ำตาลเข้าไปในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้รสหวาน เนื่องจากธัญพืชอื่นๆ ไม่มีเอนไซม์เหมือนอย่างมอลต์ที่ผลิตจากข้าวบาร์เลย์ และมีโปรตีนน้อย ส่งผลถึงความหอมและหนานุ่มของเครื่องดื่มน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งหมดคือเหตุผลว่าทำไมเครื่องดื่มที่ผลิตจากเพียวมอลต์ถึงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกถึงคุณภาพและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ไฮเนเก้น 0.0 เครื่องดื่มมอลต์ไม่มีแอลกอฮอล์

กฎแห่งเพียวมอลต์ ... ที่กำหนดรสชาติเพียวๆ มอลต์เต็มๆ ของเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมียม

 

มอลต์เป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารและเครื่องดื่มหลายชนิดแต่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามอลต์คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร มาลองทำความรู้จักมอลต์ และกฎแห่งเพียวมอลต์ ที่กำหนดรสชาติเพียวๆ มอลต์เต็มๆ ของเครื่องดื่ม

เข้าใจที่มาของมอลต์

มอลต์ (Malt) คือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำเมล็ดธัญพืช มาผ่านกระบวนการ Malting คือการทำให้เมล็ดธัญพืชดังกล่าวเกิดการงอกเป็นต้นอ่อนมีรากงอกออกมาบางส่วน ซึ่งในระหว่างนั้นจะมีการผลิตเอนไซม์ออกมาเพื่อย่อยแป้งที่สะสมอยู่ในเมล็ดพืชให้กลายเป็นน้ำตาลโมเลกุลเล็ก จึงทำให้เมล็ดพืชมีความหวานมากกว่าเมล็ดพืชทั่วไป

โดยมีหลักฐานว่าเริ่มมาตั้งแต่สมัยอียิปต์ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ 4 พันปีก่อนคริสตกาลแล้ว มีการนำมอลต์มาใช้เป็นอาหารในพิธีฉลองปีใหม่ ส่วนในยุโรปนั้นมีหลักฐานว่ามีการนำข้าวบาร์เลย์มาทำเป็นมอลต์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 แล้ว

การผลิตมอลต์สามารถใช้เมล็ดธัญพืชชนิดต่าง ๆ ได้หลายชนิด แต่ที่นิยมกันมากที่สุดคือ ข้าวมอลต์บาร์เลย์ โดยเฉพาะเมื่อนำมาผลิตเบียร์

มอลต์บาร์เลย์vs ข้าว vs ข้าวโพด

คาร์โบไฮเดรตที่ใช้ในการผลิตเครื่องดื่มจะเป็นตัวกำหนดรสชาติ และเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มนั้นๆ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงสี กลิ่น และความหนานุ่มของฟองและตัวเครื่องดื่ม

นี่เป็นเหตุผลที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องตระหนักรู้ และเข้าใจถึงวัตถุดิบที่เป็นจิตวิญญาณของเครื่องดื่ม
และความแตกต่างของคาร์โบไฮเดรตที่นำมาใช้ในแต่ละชนิด

มอลต์จากข้าวบาร์เลย์เป็นชนิดที่นิยมใช้มากที่สุด มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่ว่าจะเป็น กลิ่นหอมของมอลต์
สีน้ำตาลสวยธรรมชาติ รสชาติที่หวานโดยเฉพาะ เนื่องจากข้าวบาร์เลย์นั้น มีเอนไซม์ที่สามารถย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาลได้ดีกว่าธัญพืชอื่น ๆ ทำให้ข้าวบาร์เลย์นั้นให้ความหวาน หอม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เป็นธัญพืชยอดนิยมที่นำไปผลิตเครื่องดื่มอย่างเช่น เบียร์ กันอย่างแพร่หลาย

“แต่ทำไมในปัจจุบันข้าวและข้าวโพด ถึงถูกใช้ในการผลิตเครื่องดื่ม ทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้คุณภาพที่ดีที่สุดแบบที่ควรจะเป็น”

คาร์โบไฮเดรตใดๆก็ตามที่นำมาผลิตเบียร์ยกเว้นข้าวบาร์เลย์ จะเรียกรวมๆกันว่า AdjunctGrains
ซึ่งข้าวและข้าวโพดก็ถูกเรียกรวมอยู่ในนี้ด้วย เพราะต้องเติมน้ำตาลเข้าไปในระหว่างกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้รสหวาน เนื่องจากไม่มีเอนไซม์เหมือนอย่างมอลต์ที่ผลิตจากข้าวบาร์เลย์ และมีโปรตีนน้อย ส่งผลถึงความเข้มข้นและหนานุ่มน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

นักวิจารณ์เครื่องดื่มหลายคนกล่าวอ้างว่า บริษัทผลิตเครื่องดื่มขนาดใหญ่หลายแห่งได้ใช้ข้าวและข้าวโพดเป็นวัตถุดิบทดแทนเพื่อลดต้นทุนในการผลิตเนื่องจากข้าวและข้าวโพดมีราคาถูกกว่าข้าวบาร์เลย์

ทำความรู้จักกฎแห่งเพียวมอลต์

เพียวมอลต์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นกฎในการผลิตของเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมียมที่ให้รสชาติเพียวๆ มอลต์เต็มๆ ของเครื่องดื่มมอลต์ทางฝั่งยุโรปมาอย่างยาวนาน

และเมื่อไม่นานมานี้ เพียวมอลต์ เป็นเทรนด์ที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดอีกครั้งในการผลิตเบียร์ในต่างประเทศหลังจากที่กฎแห่งการผลิตเบียร์เริ่มถูกท้าทายมากขึ้น ข้าวและข้าวโพดจึงกลายเป็นวัตถุดิบทดแทนที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน และส่งผลโดยตรงต่อรสชาติ รวมถึงเป็นเหตุให้บรรดานักดื่มต่างหันมาให้ความสนใจในวัตถุดิบและส่วนผสมในการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งพวกเขาจะเลือกดื่มเบียร์ที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพในการผลิตที่ดีและได้มาตรฐาน

กฎข้อเดียวของเพียวมอลต์ คือ ต้องใช้ข้าวบาร์เลย์มอลต์เป็นคาร์โบไฮเดรตหลักในการผลิตเครื่องดื่ม โดยไม่มีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรตอื่นๆ อย่างเช่น ข้าว ข้าวโพด หรือน้ำตาล ซึ่งเครื่องดื่มที่ผลิตจากเพียวมอลต์ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกถึงคุณภาพที่ดีเยี่ยมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์