In Bangkok

กทม.ตรวจเหตุเพลิงไหม้โกดังพระราม2 ลุยแจกจ่ายถุงยังชีพเยียวยาผู้ประสบภัย



กรุงเทพฯ-สำนักงานเขตบางขุนเทียนและสำนักป้องกันและบรรเทาสาะารณภัย กทม.เร่งตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ โกดัง ถ.พระรามที่ 2 พร้อมแจกจ่ายถุงยังชีพและเยียวยาผู้ประสบภัย

 

นางภัสรา นทีทอง ผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน กทม. กล่าวกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังใกล้วัดกำแพง ถ.พระรามที่ 2 เขตบางขุนเทียนว่า เมื่อเวลา 07.19 น.(17 พ.ค.66) ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้โกดังแห่งหนึ่งในซอยพระรามที่ 2 ซอย 50 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุหลังเพลิงสงบ ในเวลา 07.57 น. พบผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 1 ราย จากการลื่นล้มและไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเป็นอาคารโครงเหล็กประมาณ 110 ตารางเมตร และอาคารครึ่งตึก-ครึ่งไม้ ประมาณ 120 ตารางเมตร ได้รับความเสียหายทั้งหลัง โดยอาคารบางส่วนยังมีความปลอดภัยและสามารถใช้งานได้ สำนักงานเขตฯ จึงได้ให้คำแนะนำเจ้าของอาคารในการซ่อมแซมอาคารให้กลับสภาพคงเดิม พร้อมทั้งดำเนินการตามมาตรการเยียวยาผู้ประสบภัย สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานของสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ท่าข้าม

นายธีรยุทธ ภูมิภักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม.กล่าวว่า สปภ.ได้นำรถดับเพลิง พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าดับเพลิงสถานที่ดังกล่าวจนกระทั่งเพลิงสงบ จากการตรวจสอบพบว่าที่เกิดเหตุเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่ชั้นบนภายในห้องพักคนงาน เพลิงได้ลุกไหม้อาคารห้องพักคนงานเสียหายทั้งหมด และลุกลามพื้นที่โกดังเก็บเหล็กที่อยู่ข้างเคียง สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ สปภ.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัยลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานเขตบางขุนเทียน เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยแล้ว จำนวน 9 ครอบครัว 13 ราย และเมื่อสำนักงานเขตบางขุนเทียนรับลงทะเบียนและออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ประสบภัยแล้ว จะให้ความช่วยเหลือเป็นค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาท/ครอบครัว ระยะเวลาไม่เกิน 2 เดือน รวมเป็นเงินไม่เกิน 6,000 บาท และช่วยเหลือเป็นเงินทุนประกอบอาชีพอีกครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ หรือเหตุสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าระงับเหตุโดยเร็ว ป้องกันความเสียหายและความสูญเสียในวงกว้าง