In Global
ศูนย์การแพทย์จีนม.เสฉวนร่วมพันธมิตร ทดลองทางคลินิกโควิดพันธุ์เอ็กซ์บีบี
เฉิงตู จีน, 19 พฤษภาคม 2566-ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 วัคซีนโควิด-19 สองสายพันธุ์ชนิดตัดต่อโปรตีน (เซลล์เอสเอฟ9 หรือ Sf9) และวัคซีนโควิด-19 สามสายพันธุ์ชนิดโปรตีนสามหน่วยย่อย (trimeric) (เซลล์เอสเอฟ9) ซึ่งพัฒนาโดยเวสต์แวค ไบโอฟาร์มา (WestVac Biopharma) / ศูนย์การแพทย์จีนตะวันตก (West China Medical Center) มหาวิทยาลัยเสฉวน (Sichuan University) เพื่อป้องกันสายพันธุ์เอ็กซ์บีบี (XBB) ที่แพร่ระบาดล่าสุด ได้รับ "การอนุมัติสำหรับการทดลองยาทางคลินิก" (Drug Clinical Trial Approval) จากสำนักงานควบคุมเวชภัณฑ์แห่งชาติจีน วัคซีนใหม่ทั้งสองตัวนี้จะวางจำหน่ายอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันสายพันธุ์เอ็กซ์บีบีที่กำลังแพร่ระบาดเมื่อเสร็จสิ้นการทดลองทางคลินิกที่จำเป็น วัคซีนทั้งสองตัวนี้ยังเป็นวัคซีนโควิด-19 คู่แรกของโลกที่เริ่มการทดลองทางคลินิกสำหรับสายพันธุ์อย่างเอ็กซ์บีบีโดยเฉพาะ
กลไกการป้องกันและควบคุมร่วมภายใต้สภาแห่งรัฐจีน (State Council's Joint Prevention and Control Mechanism) จัดการแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2566 โดยพบว่า ขณะที่ปฏิสัมพันธ์ขาเข้าและขาออกระหว่างจีนกับประเทศอื่น ๆ เพิ่มสูงขึ้น ผลกระทบทั่วโลกต่อการเกิดสายพันธุ์แพร่ระบาดที่สำคัญของไวรัสโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากข้อมูลการสำรวจ[1] สายพันธุ์แพร่ระบาดหลักของไวรัสโควิด-19 ในจีนได้มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์เป็นซีรีส์เอ็กซ์บีบี ในบริบทเช่นนี้ เวสต์แวค ไบโอฟาร์มา ใช้แพลตฟอร์มวัคซีนตัดต่อโปรตีนเซลล์แมลงที่ก้าวหน้าระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 สองสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + สายพันธุ์ต้นแบบ) ชนิดตัดต่อโปรตีน (เซลล์เอสเอฟ9) โควิคซีน ไบวาเลนต์ (Coviccine® bivalent) และวัคซีนโควิด-19 สามสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + บีเอ.5 (BA.5) + เดลตา) ชนิดตัดต่อโปรตีนสามหน่วยย่อย (เซลล์เอสเอฟ9) วัคซีนของเวสต์แวคทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญในการป้องกันสายพันธุ์เอ็กซ์บีบีที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ และมีบทบาทอย่างมากในการจัดการกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่กำลังดำเนินอยู่
โควิคซีน ไบวาเลนต์ -- วัคซีนโควิด-19 สองสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + สายพันธุ์ต้นแบบ) ชนิดตัดต่อโปรตีน (เซลล์เอสเอฟ9)
วัคซีนโควิด-19 สองสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + สายพันธุ์ต้นแบบ) ชนิดตัดต่อโปรตีน (เซลล์เอสเอฟ9) นี้ เป็นเวอร์ชันปรับปรุงอัปเกรดของโควิคซีน วัคซีนโควิด-19 ตัดต่อโปรตีน (เซลล์เอสเอฟ9) ซึ่งพัฒนาโดยเวสต์แวค ไบโอฟาร์มา การศึกษาชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวนี้กระตุ้นความเข้มข้น (ค่าไตเตอร์ หรือ titer) ของแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ในการต้านหลายสายพันธุ์ย่อย ประกอบด้วย เอ็กซ์บีบี.1.5 เอ็กซ์บีบี1.16, เอ็กซ์บีบี1.9.1, เอ็กซ์บีบี.2.3, บีเอ.5, บีเอฟ.7 (BF.7), บีคิว.1 (BQ.1)[1] บ่งชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวนี้เป็นวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิผลในการป้องกันหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะเมื่อมีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ต้านสายพันธุ์ในซีรีส์เอ็กซ์บีบี
วัคซีนโควิด-19 สามสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + บีเอ.5 + เดลตา) ชนิดตัดต่อโปรตีนสามหน่วยย่อย (เซลล์เอสเอฟ9)
เวสต์แวค ไบโอฟาร์มา และบริษัทย่อย เวสต์แวค ไบโอฟาร์มา (กวางโจว) ใช้ประโยชน์จากการตอบสนองที่รวดเร็วของแพลตฟอร์มการแสดงออกของเซลล์แมลงที่ก้าวหน้าระดับนานาชาติในการผลิตวัคซีนชนิดตัดต่อโปรตีน โดยได้สร้างเวคเตอร์พาหะสำหรับวัคซีนโควิด-19 สามสายพันธุ์ (เอ็กซ์บีบี + บีเอ.5 + เดลตา) ชนิดตัดต่อโปรตีนสามหน่วยย่อย (เซลล์เอสเอฟ9) และผลิตวัคซีนสามสายพันธุ์ชนิดตัดต่อโปรตีนที่มีความบริสุทธิ์สูงและคุณภาพสูงสำหรับใช้ในมนุษย์ แอนติเจนวัคซีนจากส่วนหนึ่งของเชื้อ (subunit vaccine) นี้ออกแบบมาอย่างแม่นยำโดยอิงจากโครงสร้างของโปรตีนมุ่งเป้า เอส-อาร์บีดี (S-RBD) และเอชอาร์ (HR) ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยอย่างเอ็กซ์บีบีและบีเอ.5 และสามารถประกอบร่างเองเป็นอนุภาคโปรตีนสามหน่วยย่อยที่เสถียร การศึกษาชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวนี้กระตุ้นให้เกิดความเข้มข้นในระดับสูงของแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ในการต้านหลายสายพันธุ์ย่อย ประกอบด้วย โอมิครอน (Omicron) เอ็กซ์บีบี.1.5, เอ็กซ์บีบี1.16, เอ็กซ์บีบี1.9.1, เอ็กซ์บีบี.2.3, บีเอ.5, บีเอฟ.7, บีคิว.1, บีเอ.2.75 บ่งชี้ว่าเป็นวัคซีน-19 ที่ครอบคลุมกว้างขวางในการต้านหลายสายพันธุ์ย่อยที่แพร่หลายทั้งในและต่างประเทศ[1]
เกี่ยวกับเวสต์แวค ไบโอฟาร์มา
บริษัท เวสต์แวค ไบโอฟาร์มา จำกัด (WestVac Biopharma Co., Ltd.) เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่บูรณาการการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ระบบการผลิตและการขาย เข้ากับกำลังผลิตวัคซีน 1.1 พันล้านโดสต่อปี เวสต์แวค ไบโอฟาร์มา ประสบความสำเร็จในการได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่รายชื่อบริษัทระดับยูนิคอร์นระหว่างปี 2564 ถึง 2566 โดยในเดือนธันวาคม 2565 นั้น โควิคซีน (Coviccine®) ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานระดับชาติเพื่อนำไปใช้ในกรณีฉุกเฉิน และขณะนี้อยู่ในรายชื่อการจัดหาวัคซีนในกระบวนการประมูลในกว่า 20 มณฑลในจีน