In Bangkok

ต้อนรับ9ผู้พิการเข้าเส้นชัยที่สอบแข่งขัน บรรจุข้าราชการกทม.มิติใหม่ของกทม.



กรุงเทพฯ-ผู้ว่าฯกทม.ต้อนรับ 9 ผู้พิการ เข้าเส้นชัยสอบแข่งขันบรรจุข้าราชการกทม.มิติใหม่ เตรียมลุยงานดูแลประชาชนคนกรุงเทพฯ อย่างเต็มศักดิ์ศรี

(26 พ.ค. 66) เวลา 09.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวต้อนรับข้าราชการบรรจุใหม่ซึ่งเป็นคนพิการที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ครั้งที่ 1/2565 ว่า  วันนี้มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับเพื่อนใหม่ ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับทุกคน และต้องขอยืนยันว่าทุกคนไม่ได้ถูกรับเลือกเพราะว่าเป็นคนพิการ แต่เป็นเพราะมีความสามารถเหมือนคนทั่วไป มีการแข่งขันเข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และเชื่อว่าการที่ทุกคนได้มาทำงานใน กทม. จะทำได้อย่างเต็มศักดิ์ศรี รวมถึงจะทำให้เพื่อน ๆ ใน กทม. เข้าใจชีวิตของคนที่แตกต่างกับตนเองได้มากขึ้น 

ในกรุงเทพฯ เรามีความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ เรื่องการเดิน การได้ยิน การเคลื่อนไหว ถ้าเราสามารถโอบกอดทุกคนที่มีความแตกต่างกันได้ สังคมก็จะดีขึ้น เหมือนกับนโยบายเราที่ให้ไว้ว่ากรุงเทพฯ ต้องเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ไม่เฉพาะคนที่เดินได้ คนที่ได้ยินปกติ หรือว่าคนที่มองเห็นปกติ แต่ทุกคนต้องสามารถอยู่ด้วยกันได้ การที่ในวันนี้มีทุกคนมาเป็นทีมงาน จะเป็นเครื่องเตือนใจว่าเรามีเพื่อนที่มีความแตกต่างกับเราอีกเยอะในกรุงเทพฯ ฉะนั้น ไม่ว่าจะเรื่องการเดินทาง การฝึกอาชีพ การให้โอกาสเรื่องงาน เราต้องคิดถึงเพื่อน ๆ เราเหล่านี้ด้วย 

Mindset ในโลกมี 2 แบบ คือ Fixed mindset และ Growth mindset โดย Fixed mindset คือคนที่เชื่อในโชคชะตา เชื่อในบุพเพสันนิวาส เชื่อว่าทุกอย่างถูกฟ้ากำหนดมาแล้ว เช่น หลาย ๆ คนที่เป็นเหมือนพวกเราทุกคนวันนี้อาจจะคิดท้อใจหรือโทษโชคชะตาชีวิตว่าชีวิตกำหนดให้เราเดินไม่ได้ ให้เกิดอุบัติเหตุ ให้เกิดมามีร่างกายไม่ครบ แล้วก็อาจจะท้อถอย ไม่อยากทำอะไร แต่ทุกคนที่มาในวันนี้เป็นตัวอย่างของคนที่มี Growth mindset คือไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา ทุกอย่างคือสิ่งที่เราทำได้ถ้าเราพยายาม 

มีคำพูดอีกเรื่องหนึ่งที่อยากฝากพวกเราทุกคน เป็นบทกวีชื่อ “Invictus” หรือ “ผู้ไม่ยอมสยบ” ของวิลเลียม เออร์เนส เฮนเล่ย์ เป็นบทกวีที่อดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนแดลา ประทับใจมาก และนำมาใช้ให้กำลังใจตนเองในระหว่างต้องโทษจำคุก โดยในกระดาษที่เขาอ่านทุกเช้าเป็นภาษาอังกฤษว่า “I am the master of my fate. I am the captain of my soul.” เราคือเจ้านายแห่งชะตาชีวิต และเราคือกัปตันแห่งจิตวิญญาณของตนเอง ถึงแม้ว่าจะมีข้อที่ข้อจำกัดที่เราเลือกไม่ได้ แต่สุดท้ายเราก็เป็นเจ้านายชะตาชีวิตตัวเอง 

ในท้ายนี้ เรามาเป็นเพื่อนใหม่กัน มาร่วมงานกัน ก็ขอให้ทุกคนคิดถึงศักดิ์ศรีของชาว กทม. ร่วมกันทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนให้ดีที่สุดและร่วมกันทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่ ยินดีต้อนรับและขอแสดงความยินดีกับทุกคน รวมถึงต้องขอขอบคุณพวกเราทุก ๆ คนที่โอบกอดเพื่อนใหม่ของเราด้วยความอบอุ่น 

ด้าน ที่ปรึกษาฯ ภาณุมาศ กล่าวว่า  วันนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่ดีใจแค่เฉพาะน้อง ๆ ที่สอบได้ แต่ดีใจที่สังคมเปิดรับ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ตัวผมเองประสบอุบัติเหตุมาตั้งแต่ปี 2525 การที่ได้ต่อสู้มา ทำงานด้านคนพิการมาเพราะอยากเห็นวันนี้ ยิ่งกว่านั้น การที่เราได้ผู้ว่าฯ ที่เข้าใจคนพิการ ได้ทีมผู้บริหารที่เข้าใจคนพิการ ก็จะส่งผลให้กับข้าราชการกรุงเทพมหานครทุกคนเข้าใจคนพิการ ขอต้อนรับน้อง ๆ เชื่อว่าเป็นความฝันของน้อง ๆ ที่จะได้เป็นข้าราชการเต็มตัว อยากจะฝากน้อง ๆ ว่า การมาทำงาน กทม. คืองานบริการรับใช้ประชาชน แม้อาจจะไม่ได้เจอประชาชนโดยตรง แต่ผลงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังก็เพื่อให้ชีวิตคนกรุงเทพมหานครดีขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด น้อง ๆ คือ Pioneer หรือผู้บุกเบิก ที่จะทำให้เพื่อน ๆ ผู้ร่วมชะตากรรมคนพิการอื่น ๆ ได้เห็นและเกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง ก้าวเข้ามาเป็นข้าราชการเพิ่มมากขึ้น ขอต้อนรับน้อง ๆ ด้วยความจริงใจ มีอะไรติดขัดตรงไหนก็บอกได้ 

โอกาสนี้ นายภาณุวัฒน์ ผลาเลิศ นักวิชาการพัสดุปฏิบัติการ ฝ่ายพัสดุ กลุ่มภารกิจด้านอำนวยการ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ สำนักการแพทย์ เป็นตัวแทนข้าราชการบรรจุใหม่ กล่าวกับผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหาร กทม. ว่า  ในฐานะตัวแทนของคนพิการ ขอกราบขอบคุณท่านผู้ว่าฯ ท่านรองผู้ว่าฯ ท่านที่ปรึกษาฯ ท่านปลัดฯ ท่านรองปลัดฯ คณะผู้บริหารทุกท่าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกท่าน พวกเรารู้สึกอบอุ่นตั้งแต่วันแรกที่ลงสนามสอบ ซึ่งพวกเราได้รับการดูแลตามประเภทความพิการอย่างดี ขอบคุณที่เล็งเห็นศักยภาพของคนพิการว่าพวกเรามีศักยภาพที่จะสามารถทำงานได้และมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานต่อไป ในฐานะของคนพิการที่ได้รับโอกาสวันนี้ก็ขอให้สัญญาว่าพวกเราจะมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ขอบคุณครับ

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) ได้ดำเนินการคัดเลือกคนพิการเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครด้านการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร โดยเป็นการส่งเสริมให้คนพิการที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเหมาะสมกับลักษณะงานของกรุงเทพมหานครได้มีโอกาสเข้าทำงานมากขึ้น และเป็นการเพิ่มทางเลือกในการประกอบอาชีพให้กับคนพิการให้มีรายได้มั่นคง สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีศักดิ์ศรี ประกอบกับเป็นการสนับสนุนให้กรุงเทพมหานครสามารถรับคนพิการเข้าทำงานตามจำนวนที่มาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่ม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556

สำหรับการดำเนินการคัดเลือกคนพิการเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ครั้งที่ 1/2565 ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่า มีผู้สมัครสอบ 585 คน ผ่านการคัดเลือกฯ 9 คน แบ่งเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย จำนวน 7 คน และคนพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย จำนวน 2 คน ซึ่งจะได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) 3 คน  สำนักการแพทย์ 2 คน  สำนักการศึกษา 1 คน  สำนักพัฒนาสังคม 1 คน  สำนักอนามัย 1 คน และสำนักงานการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 1 คน  สำนักงาน ก.ก. จึงจัดกิจกรรมต้อนรับข้าราชการบรรจุใหม่ (Welcome to BMA Family) ขึ้นในวันนี้ ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการบรรจุใหม่ซึ่งเป็นคนพิการที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ครั้งที่ 1/2565

ในการนี้ รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารสำนัก พร้อมด้วยข้าราชการพี่เลี้ยง และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับข้าราชการบรรจุใหม่

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวภายหลังกิจกรรมต้อนรับว่า  เมืองมีหน้าที่สำคัญในการดูแลทุกคน ซึ่งบางเมืองอาจทำให้คนพิการรู้สึกพิการมากขึ้นเพราะเขาอยู่ลำบาก แต่ถ้าหากเราทำเมืองให้ดีจะทำให้คนพิการรู้สึกพิการน้อยลง สามารถอยู่ได้อย่างสะดวก อิสระมากขึ้น โดยสิ่งที่กรุงเทพมหานครทำมีดังนี้ 1. การเดินทาง ปรับทางเท้า/ห้องน้ำให้เป็น Universal Design ก็จะเริ่มเห็นผลมากขึ้น เพราะอยู่ในมาตรฐานการออกแบบ 2. การฝึกอาชีพให้คนพิการ 3. การบรรจุคนพิการ ทั้งในรูปแบบของลูกจ้าง อาสาสมัคร และข้าราชการ เพื่อให้เห็นว่าคนพิการที่ทำงานได้ยังมี และเป็นแรงบันดาลใจให้คนพิการรายอื่น รวมถึงเป็นต้นแบบให้หน่วยงานอื่น และ 4. การให้คำปรึกษา/ให้บริการด้านสาธารณสุขแก่คนพิการอย่างทั่วถึง เพราะการดูแลคนพิการไม่ใช่การปรับปรุงแค่ทางเท้าให้มีทางลาดเท่านั้น แต่หมายถึงดูแลในหลากหลายด้าน เพื่อให้คนพิการสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ทุกมิติ

สำหรับในครั้งนี้มีผู้มาสอบ 585 คน ได้รับการบรรจุ 9 คน และยังมีอีกกว่า 120 คน ที่สอบผ่านเกณฑ์และอยู่ในฐานข้อมูล ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างที่เรารับคนพิการเข้ามาเป็นข้าราชการด้วยการสอบตรง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญตามนโยบายทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน เพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีความหลากหลาย หากเราสามารถดูแลทุกคนที่มีความแตกต่างนี้ได้ เมืองจะน่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง 

ที่ปรึกษาฯ ภาณุมาศ กล่าวว่า  การต่อสู้เรื่องคนพิการทั้งเจตคติ/ทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญ ดีใจที่ข้าราชการ กทม. ทุกคน ปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ถูกต้องจากการเห็นคนพิการที่สอบและได้เข้ามาทำงาน ในส่วนของกรุงเทพมหานครต่อไปก็จะได้เห็นน้อง ๆ เข้ามาทำงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานราชการอื่น ๆ ซึ่งปัจจุบันยังรับคนพิการเข้าไปทำงานน้อยอยู่ หากอยากได้ข้อมูลอะไรกรุงเทพมหานครยินดี 

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวเสริมว่า  ในส่วนของปีต่อ ๆ ไป เราตั้งใจจะรับคนพิการให้มากขึ้น โดยสำนักงาน ก.ก. เป็นผู้ดูแลเรื่องของสัดส่วน มีกรรมการที่กำหนดสัดส่วนให้มีความเหมาะสม นอกจากนี้ เราได้มีการพยายามดูแลในเรื่องของกายภาพ สภาพในการทำงาน รวมถึงจะมีการขยายไปในกลุ่มของครู เพื่อให้คนสอนได้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งเมื่อมีความเข้าใจแล้วก็จะทำให้สามารถไปดูแลน้อง ๆ นักเรียนได้ดีขึ้นด้วย