In Thailand
คืบหน้าแพทย์รพ.เมืองสิงห์ถอนฟันชายชรา64ปี12ซี่
สิงห์บุรี-คืบหน้า แพทย์โรงพยาบาลเมืองสิงห์ ถอนฟันชายชรา 64 ปี 12 ซี่ เลือดไหลไม่หยุด ต่อมาเสียชีวิตลง
วันนี้ 27 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 12.50 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดสะเดา อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ที่ตั้งบำเพ็ญศพ นายสมศักดิ์ คุ้มครอง อายุ 64 ปี ที่เสียชีวิตจากกรณีถอนฟัน 12 ซี่แล้วเลือดไหลไม่หยุด และวันนี้ทางแพทย์ พยาบาล โรงพยาบาลสิงห์บุรี และสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี จะเข้ามาที่วัดสะเดา โดยทางทีมโรงพยาบาลได้นำพวงหรีดมาแสดงความเสียใจกับทางญาติ นายสมศักดิ์ ผู้เสียชีวิต และจะอธิบายในเรื่องโรคที่ นายสมศักดิ์ เป็นอยู่จนต้องมารักษาตัวที่โรงพยาบาลและสาเหตุที่ต้องถอนฟัน โดยในคืนนี้ทาง โรงพยาบาลสิงห์บุรี ได้เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ทางผู้สื่อข่าวได้ถามทีมโรงพยาบาลสิงห์บุรี ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ นามสมศักดิ์ ในครั้งนี้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ขอปฎิเสธการให้ข้อมูลก่อน ให้รอทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลแถลงข่าวเท่านั้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามอีกครั้งกับ น.ส.ฉันทนา คุ้มครอง ลูกสาวผู้ตาย ที่นอนเฝ้าอาการป่วยของพ่อ เล่าให้ฟังว่า ทางโรงพยาบาลได้นัดพ่อเข้าทำการรักษาตัวโรคตับแข็ง เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ทางผู้ตายลืมดูใบนัดก็เลยได้ไปโรงพยาบาลในวันที่ 12 พ.ค.แทน และก็ให้นอนแอทมิท ประมาณ 10 กว่าวัน พอถึงวันที่ 15 พ.ค. ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าพ่อมีการติดเชื้อ ต้องให้ยาฆ่าเชื้อจนครบ จนประมาณวันที่ 28 พ.ค. ถึงวันที่ 23 พ.ค. ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าผู้ตายมีฟันผุ 12 ซี่ ต้องไปถอนฟัน ถอนรอบแรก 7 ซี่ รอบสองอีก 5 ซี่ รวมเป็น 12 ซี่ มีความคาใจว่าทำไมถึงให้ถอนเยอะขนาดนั้น เพราะคนเราปกติ 2 ซี่ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว และพ่อไม่ค่อยสบายไม่มีแรงแบบนี้ทำไมถึงต้องถอนขนาดนี้ จากนั้นเลือดพ่อก็ไหลตลอดทั้งคืน ก็เลยได้ไปตามพยาบาลมา พยาบาลก็บอกให้ผู้ตายกัดผ้าก๊อตอย่างเดียว แล้วก็บอกให้รอก่อนตามหมอเวรให้แล้ว จนถึงเวลาสี่ทุ่มกว่า ก็ไม่มีหมอมา มีแต่พยาบาลเอาผ้าก๊อตใส่ยายัดไว้ พอยัดไปจนเต็มปาก พ่อก็ได้คายออกมา ทางพยาบาลก็บอกให้ยัดกลับไป เพราะตัวยาห้ามเลือดตัวนี้แพง ซึ่งคำพูดของพยาบาลดังกล่าว ลูกสาวผู้ตายบอกว่า เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยดี จนลูกสาวสังเกตุอาการพ่อว่าพอยัดผ้าก๊อตเข้าไปพ่อเขาไม่ยอมอ้าปาก อาการเหมือนจะไม่ไหวแล้ว ถ้าเห็นพ่ออาการเลือดไหลขนาดนี้ทำไมไม่กระตือรือร้นในการรักษา จะให้กัดแต่ผ้าก๊อตอย่างเดียว จนคืนนั้นทั้งคืน พ่อได้บอกว่าไม่ไหวแล้วๆ
สำหรับทีมโรงพยาบาลสิงห์บุรี นอกจากจะได้นำพวงหรีดมาให้และแสดงความเสียใจแล้ว ยังได้นำเอกสารให้รับเงินเยียวยามาให้เซ็นและนำไปยื่นที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี แล้วทางโรงพยาบาลจะส่งต่อไปให้ทางสาธารณะสุข จากนั้นสาธารณสุขจะส่งเรื่องไปยัง สปสช.เพื่อขอรับเงินเยียวยา และคืนนี้ทางโรงพยาบาลสิงห์บุรี จะมาเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพ ส่วนการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสิงห์บุรีให้รอผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิงห์บุรีแถลงข่าวต่อไป
จินตนา ปานมี / สิงห์บุรี