Think In Truth

เผยสอย20ส.ส.ไม่กระทบตั้งรัฐบาลใหม่ กั๊กคดีหุ่นสื่อ'พิธา'/สั่งตร.จบใหม่เป็นคฝ.



กรุงเทพฯ-4 มิถุนายน 2566 กระแสการเมืองยังร้อนระอุ หลังกกต.แย้มอาจถูกสอย 20 ส.ส.จากคำร้อง 280 เรื่อง ทำให้พรรคเพื่อไทยออกมายันว่า ไม่มีผลกระทบเลือกตั้งใหม่ก็ได้เหมือนเดิม ขณะที่คดีหุ้นสื่อ หน.นายพิธา กกต.ยังกั๊กอ้างรอรวบรวมหลักฐานเอกสาร ในส่วน “พิธา”ยืนยันในงาน Bangkok Pride กฎหมายสมรสเท่าเทียมและพ.ร.บ.คู่ชีวิตต้องสำเร็จในสมัยนี้ ขณะที่ฮือฮามากที่สุดทางโชเชียล คือนักเรียนนายสิบตำรวจที่จะจบเดือนกรกฏาคมนี้ถูกเกณฑ์มาเป็นตำรวจคุมฝูงชนเกือบยกรุ่นกว่า 2.5 พันคน หลายคนตั้งข้อสงสัย “ผู้มีอำนาจเล่นอะไรอยู่”

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.กล่าวถึงเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ตัวเลขคำร้องมีกว่า 280 เรื่อง ส่วนผู้ที่เลือกตั้งชนะถ้าจำไม่ผิด มีประมาณกว่า 20 คน ซึ่งตอนนี้จะต้องขอตรวจสอบก่อนว่ามีหลักฐานชัดเจนหรือไม่ โดยจะต้องมีการสั่ง 3 อย่างคือ 1.สั่งเลือกตั้งใหม่ 2.สั่งนับคะแนนใหม่ และ 3.สั่งออกเสียงลงคะแนนใหม่  ส่วนการประกาศรับรองร้อยละ 95 เบื้องต้นจะมีการรับรอง 475 คนนั่นเป็นตัวเลขต่ำสุด แต่คิดว่าถ้าเผื่อประกาศได้ 100% ได้ เราก็ประกา

เพื่อไทยยันหาก20ส.ส.ถูกสอยไม่มีผลกระทบกับการตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าว มี 20 ว่าที่ ส.ส. ถูกร้องเรียนเรื่องเลือกตั้ง หาก เป็นของพรรคเพื่อไทย และ พรรคก้าวไกล จะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นั้น  ยังไม่อยากคิดไปถึงขั้นนั้น  แต่ถามว่ากระทบหรือไม่ จริงๆ ก็ไม่กระทบ และไม่เป็นอุปสรรคอะไรในการจัดตั้งรัฐบาล  แต่อย่างน้อย กกต. ต้องรับรองให้ได้ 95% ก่อน เท่ากับ 475 คน หากขาดไป 20 ก็อาจจะทำให้อะไรเปลี่ยนไปบ้างนิดหน่อย และหากจะมีการเลือกตั้งใหม่ กกต.คงจะจัดให้มีการเลือกตั้งเร็ว และมั่นใจว่าประชาชนจะเลือกฝั่งเราอยู่

กกต.เตรียมพิจารณาการถือหุ้นสื่อของ “พิธา”

สำหรับ กรณีหุ้นสื่อของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์หัวหน้าพรรคก้าวไกล ตอนนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจาก กกต. ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของกกต.ในไม่ช้านี้ แต่ส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเพื่อให้สิ้นข้อสงสัยหรือไม่ นั้นยังตอบไม่ได้เพราะเรายังไม่เห็นข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ตอบไปก่อนคงไม่ได้

 คดีของนายพิธา ต่างจากคดีถือหุ้นสื่อของคนอื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พยานหลักฐานที่นำเสนอต่อเรา เราจะพิจารณาตัดสินไปตามหลักฐานที่มี ถ้าเห็นว่าพยานหลักฐานไม่พอก็ขอให้สอบเพิ่มหรือศึกษาเพิ่มได้ ตอนนี้เรายังไม่เห็นพยานหลักฐานที่เป็นทางการที่เป็นการทำงานของกกต. ฉะนั้นตนจึงไม่สามารถที่จะพูดอะไรไปได้มากกว่านี้  เพราะสำนักงาน กกต. ยังไม่เสนอเรื่องขึ้นมา อยู่ในระหว่างการดำเนินการของสำนักงานฯ

อย่างไรก็ตามกรณีคำร้องของ นายพิธาเหมือนเป็นการเล่นงานทางการเมืองของฝ่ายการเมือง หรือไม่นั่น  กกต.ไม่เคยดูเรื่องนั้น ทุกคำร้องเราต้องใช้พื้นฐานของระเบียบว่าด้วยการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.เป็นหลักในการพิจารณาตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งแรก

พิธาการันตีกฎหมายสมรสเท่าเทียมและพ.ร.บ.คู่ชีวิตต้องสำเร็จในสมัยนี้

วันนี้นายพิธา มาร่วมงาน Bangkok Pride และได้กล่าวถึงเรื่องกฎหมายทั้งสมรสเท่าเทียมและ พ.ร.บ.คู่ชีวิต โดย ระบุว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร สามารถผลักดันต่อได้ทันที แม้แต่วิปรัฐบาลในขณะนั้นยังมีมติให้ผ่านทั้ง 2 กฎหมาย การผ่านทั้ง 2 กฎหมายไม่ใช่เรื่องการเลือกปฏิบัติทางเพศ แต่เป็นการให้สิทธิประชาชนว่าอยากใช้ชีวิตรักแบบไหน อยากมีความสัมพันธ์กันระดับที่เป็นคู่ชีวิตหรือคู่สมรส ถ้ากฎหมายผ่านทั้ง 2 ฉบับ ก็จะเป็นนิมิตหมายที่ดีในการสร้างสังคมใหม่ร่วมกัน พร้อมมั่นใจว่ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จะผ่านได้ภายใน 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน.

กระหึ่ม! โชเชียลสั่งนายสิบจบใหม่ยกรุ่นกว่า2.5พันคนมาเป็นตำรวจคุมฝูงชน(คฝ.)

จาก เฟซบุ๊กเพจ "CSI LA" ได้โพสต์เรื่องร้องเรียนของนักเรียนนายสิบที่จบใหม่ แต่กลับได้รับคำสั่งให้ไปลงตำแหน่งควบคุมฝูงชน โดยคำสั่งออกหลังเลือกตั้งได้เพียง 4 วัน โดยระบุว่า ตำรวจนายสิบที่เพิ่งจบใหม่รู้สึกไม่สบายใจ ที่ตัวเองและเพื่อนๆ ร่วมชั้นถูกเกณฑ์ให้ไปเป็นตำรวจคุมฝูงชน โดยเฉพาะภาคกลางและตะวันออก โดนเกือบทั้งรุ่น เขาเลยตั้งคำถามถามว่าทำไมต้องการ คฝ. เยอะมากหลังเลือกตั้ง

ยุคข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนตื่นรู้แล้ว ยุคสมัยของประเทศอื่นๆ ในโลกก็เปลี่ยนแปลงไป หากจะใช้วิธีเดิมๆ ในอดีต กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และกองกำลังตัวเองยังไม่เอาด้วยแล้ว ผลย่อมออกมาไม่เหมือนเดิม พร้อมกับโชว์เอกสารที่มีคำสั่งออกมา 4 วัน หลังการเลือกตั้ง หรือในวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งรับ คฝ.จากตำรวจทั้ง 9 ภาค และนครบาล มากถึง 2,576 นาย

ซึ่งหนึ่งในนักเรียนนายสิบร้องเรียนมาว่า พวกตนกำลังจะจบเดือน ก.ค.นี้ และจะไปลงสายงานตามโรงพัก แต่นายสิบรุ่นนี้ มีคำจดตั้ง คฝ.เยอะแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เอาเกือบทั้งรุ่น เหลือคนไปลงโรงพักแค่ไม่มีกี่คน ทำให้ลำบากใจกันมาก เพราะตอนสอบเข้ามาตั้งใจจะทำงานเป็นสายตรวจปราบปราม แต่พอจบกลับมีคำสั่งให้ไปเป็น คฝ. อยากให้โครงการนี้ล่ม ฝั่งประชาธิปไตยจะได้รู้ว่าตำรวจกำลังระดมกำลัง ซึ่งเหมือนการมัดมือชก ไม่เป็นธรรมเลย

ส่วนตอนมาสมัครก็ไม่มีเงื่อนไขสัญญาข้อไหนที่บอกว่าต้องมาทำงานในตำแหน่ง คฝ. รวมทั้งจากการลงไปฝึกงานตามโรงพัก ก็รู้ว่าตำรวจโรงพักขาดแคลน อยากถามว่า คฝ.ที่จัดตั้งขึ้นมาเกือบ 500 ในแต่ละจังหวัด ถ้าไม่มีเหตุชุมนุมจะให้ทำอะไร ให้ไปลงตามโรงพักน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า ปกติตำรวจจบใหม่ต้องไปทดแทนในส่วนที่เกษียณหรือลาออกไป แต่รุ่นนี้ไม่มีเลย มองไม่เห็นประโยชน์หรือความจำเป็นสักข้อเดียว จัดตั้งเพื่อประโยชน์ของใครกันแน่