Think In Truth

ถนนสู่เก้าอี้นายกฯของ'พิธา'ไม่ราบเรียบ ถือหุ้นสื่อ-การ์ตูนค้อนเคียวยังทำสับสน



กรุงเทพฯ-กกต.เริ่มหยิบยก “พิธา ถือหุ้นสือ”หารือถึงคุณสมบัติการเป็นส.ส. ขณะที่นายพิธา ย้ำโอนหุ้นให้ทายาทไปแล้วเมืองปลายเดือนพ.ค. หวั่นไอทีวี.คืบชีพจริง ยันพร้อมชี้แจงทุกประเด็นกับกกต.เรื่องถือหุ้นสื่อ  แต่ก็มีงงกับหนังสือของกกต.ให้พรรคก้าวไกลไปชี้แจงภาพการ์ตูน “ค้อนเคียว” อ้างเป็นปฏิปักษ์ จ่อยุบพรรค เขียนข้อความผิดๆ ถูกๆ ขณะที่พรรคเล็กสอบตกร้องศาลปกครองสูงสุด ขอจัดการเลือกตั้งใหม่ อ้างกกต. และกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไม่เป็นสุจริตเที่ยงธรรม  

 ‘พิธา’ ย้ำโอนหุ้นให้ทายาทปลาย พ.ค. หวั่นไอทีวีคืนชีพ

กรณีที่นายพิธาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการโอนหุ้นไอทีวี นายพิธากล่าวว่า ไม่ใช่การขาย แต่โอนให้ทายาทไปเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ในอดีตตนมั่นใจในข้อกฎหมายและหลักฐาน แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะมีความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวีขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจ หรือการเมือง จึงตัดสินใจโอนหุ้นให้ทายาท รวมถึงการโอนหุ้นดังกล่าวเพื่อให้การตั้งรัฐบาลดำเนินการได้สำเร็จ

การที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ออกมาให้ข้อมูลว่าเป็นการขายหุ้น ตอนเห็นข่าวแล้วอยากจะชี้แจงหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นอะไร เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาเรื่องที่ต้องชี้แจง ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องหุ้นไอทีวีก็เป็นไปตามที่โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊ก แต่จุดตัดอยู่ที่อนาคตมีโอกาสที่ไอทีวีจะฟื้นฟูกลับมาทำธุรกิจต่อ

 “หลายคนก็ออกมาบอกว่ามีความพยายามสกัดกั้นผมออกจากการเมือง ผมได้ยินอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องกังวล เพราะอดีตกับอนาคตไม่เหมือนกัน อย่างที่บอกว่าอดีตก็คืออดีต แต่ในอนาคตมีความไม่แน่นอนอยู่ ดังนั้น ต้องมีความแน่นอนเพื่อให้ตั้งรัฐบาลให้ได้” นายพิธากล่าว

และว่า จะกระทบคุณสมบัติการเป็น ส.ส.หรือไม่ ต้องดูในรายละเอียด แต่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประสานมาจะได้ชี้แจง เพราะไม่แน่ใจว่าสงสัยในประเด็นใด หาก กกต.ส่งหนังสือมาให้ชี้แจงภายในสัปดาห์นี้ก็พร้อมชี้แจง

“โอนเพื่อป้องกันว่าในอนาคตจะมีการฟื้นคืนชีพไอทีวี ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลทางธุรกิจของเขา หรือเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองในการสกัดกั้นผม ฉะนั้น เราต้องป้องกันความเสี่ยงตรงนี้เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้” นายพิธากล่าวย้ำ

กกต.ถกปม พิธา ถือหุ้นสื่อ รายละเอียดไม่ครบถ้วนให้นำกลับไปดำเนินการมาเสนอใหม่

ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีการพิจารณากรณีที่สำนักงานกกต. รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3)และมาตรา42(3) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เนื่องจากถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน)หรือไม่

โดยสำนักงานฯ เสนอว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติส.ส. เนื่องจาก นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 ซึ่งพ้นระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. ตามมาตรา 51 ประกอบมาตรา 60 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่กำหนดว่า ต้องยื่นภายใน 7 วัน นับแต่กกต.ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง

จึงต้องเสนอกกต.ให้มีคำสั่งเป็นความปรากฏต่อ กกต.ว่านายพิธา มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้ง และการยินยอมให้พรรคส่งชื่อตนเองเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลลำดับที่ 1 รวมถึงยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้งตาม มาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. หรือไม่

ทั้งนี้ ให้พนักงานสืบสวนไต่สวนของสำนักงานกกต.เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนไต่สวน ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวนและการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ซึ่งก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการไต่สวน

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกกต. ยังเห็นว่าสำนักงานกกต. ยังเสนอมีรายละเอียดไม่ครบถ้วน เช่น คำร้องมีการร้องในประเด็นใดบ้าง หลักฐานเป็นอย่างไร ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างไร จึงให้ไปดำเนินการมาให้ครบถ้วนและเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณาใหม่โดยเร็วอีกครั้ง

ก้าวไกลมึนกกต.เรียกสอบภาพการ์ตูน “ค้อนเคียว” อ้างเป็นปฏิปักษ์ จ่อยุบพรรค

วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เวลา 19.00 น. พรรคก้าวไกลเปิดเผยว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งเอกสารด่วนที่สุดถึงหัวหน้าพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2566 โดยใจความส่วนหนึ่งว่า...

 “ด้วยคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีมีผู้กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92(2) และยินยอมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค “เพื่อไทย” กระทำการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำพรรค “เพื่อไทย” อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 และขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ประกอบข้อ 7 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง พ.ศ. 2566 คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง จึงขอทราบข้อเท็จจริงพร้อมพยานหลักฐานเพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ดังนี้

ขอทราบว่าตามที่พรรคก้าวไกลได้โพสต์ข้อความและรูปภาพทาง Facebook Fanpage เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ในหัวข้อ เตรียมพบกับซีรีส์ชุด ปาร์ตี้ลิสต์ก้าวไกล นั้น โพสต์ดังกล่าวมีความหมายว่าอย่างไร และตัวละครตามที่ปรากฏในภาพตามโพสต์หมายถึงผู้ใด อย่างไร สื่อความหมายว่าอย่างไร และสัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวที่ปรากฏในภาพตามโพสต์นั้น สื่อความหมายว่าอย่างไร และเหตุใดจึงต้องใช้สัญลักษณ์ค้อนไขว้กับเคียวประกอบตัวละครในโพสต์ดังกล่าว”

โดยพรรคก้าวไกลให้ความเห็นว่า “ป๊าดดดดดด!!! ไม่ได้ดูเลยว่ามันคือการ์ตูนแนะนำเครือข่ายแรงงาน ก็ต้องมีทั้งจักรเย็บผ้า มีทั้งยางรถยนต์ เครื่องจักร มีทั้งประแจ มีทั้งไขควง และแน่นอน มันต้องมี ค้อน และเคียว! เพราะเราตั้งใจสื่อถึงเครื่องมือที่คนทำงานสร้างโลกนี้ขึ้นมา”

พรรคก้าวไกลยังชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดในเอกสารที่ กกต. ส่งมา ก็มีการเขียนผิดเขียนถูก ตั้งใจส่งถึง “พรรคก้าวไกล” แต่กลับพิมพ์ชื่อพรรคผิดเป็นชื่อ “พรรคเพื่อไทย”

พรรคเล็กสอบตกร้องศาลปกครองสูงสุด ขอจัดการเลือกตั้งใหม่

วันที่ 6 มิถุนายน ที่อาคารศาลปกครอง นายคฑเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย และนายลิขสิทธิ์ ใสกระจ่าง หัวหน้าพรรคพลัง พร้อมทีมทนายความ เดินทางมายื่นคำฟ้องขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาไต่สวนฉุกเฉินเพื่อสั่งให้การจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)แบบบัญชีรายชื่อ พ.ศ.2566 เป็นโมฆะ  และให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้งในส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ โดยที่ กกต.ทั้ง 7 คนเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เนื่องจากเห็นว่า กกต. กรรมการการเลือกตั้ง  เลขาธิการ กกต. สำนักงาน กกต. และกระทรวงการคลัง ร่วมกันจัดการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ไม่เป็นสุจริตเที่ยงธรรม  

โดยนายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวว่า วันนี้ พวกเรา 3 พรรคเล็ก  พรรคเพื่อชาติไทย พรรคพลัง และพรรคแรงงานสร้างชาติ ต้องมายื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุดให้มีคำสั่งให้มีการจัดการเลือกตั้งในส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากการจัดการเลือกตั้งที่ไม่โปร่งใสของ กกต.  ไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตี เพราะเรามีหลักฐานทั้งเอกสารและพยานบุคคลชี้ชัดที่จะเอาผิด กกต. ได้ว่า จัดการเลือกตั้งไม่สุจริต เพราะ กกต.รู้ดีว่าทำอะไรอยู่ รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แต่ไม่ทำ ทำให้มีปัญหาคะแนนเขย่ง

ดังนั้น พวกเรามีความเชื่อมั่นว่า ผลการเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต้องเป็นโมฆะ และต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยที่ กกต.ทั้ง 7คนต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และหากว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ พวกเราจะเดินหน้าฟ้องเอาผิดทางอาญากับ กกต.ทั้ง 7 คนในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ พร้อมทั้งส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินคดีอีกทางหนึ่งด้วย