Think In Truth

'กกต.เล่นม.151กับ'พิธา'ร้อนระอุต่อเนื่อง ชี้เพื่อไทยยังไว้ใจ/ผู้รู้ชี้คดีนี้อีกยาวไกล



กรุงเทพฯ-‘เพื่อไทย’ ห่วง กกต.ตั้ง คกก.ไต่สวน ‘พิธา’ แต่ไม่คิดต่อหากเกิดอะไรขึ้น ทางออกจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้กำลังใจ ขณะที่อดีตเลขาฯพรรคอนาคตใหม่เผยข้อกม.ชี้เคสพิธา ถ้ากกต.เอาผิดจริงเป็นอำนาจศาลยุติธรรมอีกนาน เช่นเดียวกับ ‘เสรีพิศุทธ์’ ดักทางส.ว. งัดปมกกต.สอบ ม.151 มาใช้อ้าง ไม่โหวตพิธาไม่ได้ เพราะคดีนี้อีกนาน ด้านเลขาฯกกต.เผยเริ่มพิจารณารับรองส.ส.ภายในสัปดาห์หน้านี้

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน รายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กรณีการถือหุ้นสื่อไอทีวี 42,000 หุ้น แต่สั่งให้ดำเนินการไต่ส่วนเรื่องดังกล่าวเนื่องจากคำร้องมีข้อมูลเพียงพอที่จะสืบสวนไต่สวนว่า นายพิธาเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ที่ผ่านมาในวงหารือของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลที่พรรค ก.ก.เป็นแกนนำไม่เคยนำกรณีที่นายพิธาถูกร้องขึ้นมาหารือ เพราะเป็นเรื่องของพรรค ก.ก. แต่เมื่อ กกต.ตั้งกรรมการไต่ส่วนขึ้นมา ทางแกนนำพรรค พท.มีความเป็นห่วง ว่าประเด็นดังกล่าวจะกระทบกับการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเป็นสิ่งที่พรรค ก.ก.ต้องจัดการเอง พรรค พท.ได้แต่ให้กำลังใจและขออย่าให้ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคกับการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรค พท.มุ่งมั่นให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จไปได้ด้วยดี และยังไม่คิดต่อไปว่าหากเกิดอะไรขึ้นทางออกของการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นอย่างไร เพราะวันนี้พรรค พท.ยังเชื่อมั่นว่าพรรค ก.ก.จะเดินหน้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้

ชำนาญ เผยข้อกม.ชี้เคสพิธา ถ้ากกต.เอาผิดจริงเป็นอำนาจศาลยุติธรรมอีกนาน

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายชํานาญ จันทร์เรือง อดีตรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีที่ กกต.มีมติกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งกรรมการไต่สวน ตาม ม.42(3) และ ม.151 มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง โดยมีเนื้อหาดังนี้

“จากการที่ กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีคุณพิธา มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการรับสมัครเลือกตั้งด้วยเหตุการถือหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น โดยให้เหตุผลว่าเป็นคำร้องที่ยื่นเกินระยะเวลาตามระเบียบ กกต.ฯแต่สั่งให้ไต่สวนว่าคุณพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งฯอันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3)และมาตรา 151ตามพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ฯ จึงเห็นควรพิจารณาไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏ นั้น

“ผมขอให้ความเห็นว่ากรณีตาม ม.42(3) และม.151ตามพรป.เลือกตั้ง ส.ส.  ซึ่งมีโทษโทษจําคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปีนั้น จะต้องใช้เวลาอีกยาวนาน เพราะเรื่องที่จะอยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรม ไม่ใช่อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กกต.สอบสวนเสร็จ จึงจะต้องไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งมีขั้นตอนต่อไปยังพนักงานอัยการและอีก 3 ชั้นศาล

‘เสรีพิศุทธ์’ ดักทางส.ว. งัดปมกกต.สอบ ม.151 มาใช้อ้าง ไม่โหวตพิธาไม่ได้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยกรณีที่ กรณีที่ กกต.มีมติกรณีตั้งกรรมการไต่สวน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่นายกรัฐมนตรี ตาม ม.42 (3) และ ม.151 มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง-รู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังฝืนลงเลือกตั้ง ว่า ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว รู้เรื่องหุ้นจากสื่อคร่าวๆ ตนไม่ได้สนใจ และไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องของใคร ซึ่งช่วงนี้ นายพิธา อยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล ไม่อยากให้เป็นปัญหาอุปสรรคอะไร และในการประชุมพรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค นายพิธาก็เคยเล่าประเด็นที่ถูกร้องเรียนให้ฟังอยู่บ้าง และ ยืนยันว่าไม่มีอะไร ทำอย่างถูกต้องในฐานะผู้จัดการมรดก

ตนไม่ได้กังวล เพราะไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงการนับคะแนนใหม่ หรือจะมีการเลือกตั้งใหม่ ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะหากนับใหม่ พรรคเสรีรวมไทยมีแต่จะมีคะแนนเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองจนมีการชุมนุมเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น ตนไม่ได้กังวลและขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย

กรณีนายพิธาถูกร้องเรียน ม.151 การจัดตั้งรัฐบาลจะยากกว่าเดิม และจะเป็นข้ออ้างให้ ส.ว.ไม่โหวตเลือก นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลอาญา แต่หากเป็นศาลอาญาจะใช้เวลานาน แต่จะใช้เป็นข้ออ้างในการโหวตไม่ได้ เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด

‘แสวง’ เผย จ่อชง6เสือกกต.พิจารณาประกาศรับรองผลสัปดาห์หน้า 

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. กล่าวกรณีที่กกต.สั่งให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ 47 หน่วย 16 จังหวัด ว่า หลังจากมีการเลือกตั้งและมีการประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการแล้ว สำนักงานไม่ได้หยุดนิ่ง ได้ตระหนักว่า ประชาชนต้องการทราบว่ากกต.จะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาใด ซึ่งกฎหมายจะให้เวลาในการทำงาน 60 วัน หรือ 13 กรกฎาคมซึ่งการนับคะแนนใหม่สำนักงานได้มีการตรวจสอบและเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาซึ่งเป็นการตรวจสอบหลังจากที่มีการรวมผลคะแนนแล้วพบว่า มีคะแนนไม่ตรงกับจำนวนบัตร และคนมาใช้สิทธิ ซึ่งไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของคะแนน แต่กกต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายทำให้ไม่สามารถที่จะงดเว้นการสั่งนับคะแนนใหม่ได้

ส่วนที่มีการแสดงความเห็นว่าจะทำให้การประกาศผลล่าช้าหรือไม่นั้น ขอย้ำว่าการสั่งนับคะแนนใหม่จะไม่กระทบต่อแผนการประกาศรับรองผลเพราะสำนักงานฯ พยายามเร่งรัดอยู่แล้ว โดยในสัปดาห์หน้าสำนักงานฯ จะมีการเสนอให้กกต.ทยอยพิจารณา แต่ไม่ใช่ทยอยประกาศ ซึ่งน่าจะเป็นการเสนอให้มีการพิจารณาในกลุ่มที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนก่อน เพราะกฎหมายระบุว่า จะต้องประกาศไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 แบบแบ่งเขตเลือกตั้งหรือ 380 คน โดยขณะนี้ได้ให้จังหวัดรายงานกลับมาว่าในแต่ละจังหวัดมีเรื่องร้องเรียน และแต่ละเรื่องมีความหนักเบาแค่ไหน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาประกาศผล โดยขณะนี้กกต.มีข้อมูลจำแนกเป็นกลุ่มของผู้ได้รับเลือกตั้งที่มีเรื่องร้องเรียน กับไม่มีเรื่องร้องเรียนไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้