Think In Truth

'ก้าวไกล'จะก้าวถึง...ได้เป็นรัฐบาลไหม?? โดย : หมา เห่าการเมือง



สิ่งที่เป็นปรากฏการณ์หลังเลือกตั้ง เมื่อฝ่ายประชาธิปไตย ได้จับมือกับเป็นพันธมิตรพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยหนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี กระแสการต่อต้านนายพิธา ก็ออกมาเป็นระรอก ที่มีตั้งแต่  นายพิธาขาดคุณสมบัติ ไปจนถึงการยุบพรรคก้าวไกล  ปรากฏการณ์ของผลการเลือกตั้งแพ้แต่ผู้นำไม่แพ้ เป็นสิ่งบอกเหตุว่า...

ฝ่ายอนุรักษ์นิยมแพ้ไม่ได้

เพราะความพ่ายแพ้การเมือง หมายถึงการสูญเสียครั้งใหญ่เกิดจากการการต่อสู้ทางการเมือง    แรงต้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ขึ้นนั่งนายกรัฐมนตรี ที่เริ่มจากการกรุข้อมูล

การถือหุ้นสื่อไอทีวี

ที่มีอดีตลูกพรรคก้าวไกลเป็นผู้กำกับให้เกิดกระแสการตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา อันเป็นคลื่นระลอกแรกให้เหล่าสื่อสลิ่มทั้งหลายออกมาเขย่าอย่างรุนแรง แต่นายพิธาเองก็มีท่าทีที่นิ่งไม่โต้ตอบ จน ปปช. ได้แถลงการณ์ว่า

นายพิธาเป็นเพียงผู้จัดการมรดกเท่านั้น

ทำให้กระแสของการขย่มบัลลังก์ของนายพิธาในประเด็นสงบลงไป แต่ผู้รับงานที่มาเปิดเผยประเด็นนี้ ก็ยังไม่หยุด ยังมีการการชวนสารวัตรเพรียวทานข้าว โดยที่ท่านสารวัตรก็ได้ปฏิเสธไปอย่าง สุภาพว่า...

“ค  คงไม่สะดวก”

เหล่านักร้อง หลังจากที่พลาดในการร้อง กกต. เรื่องคุณสมบัติของนายพิธา ที่ใช้ข้อมูลเท็จในการกล่าวหา ก็ยังไม่หยุดที่จะเดินหน้าขย่มบัลลังก์นายพิธา โดยการยื่นสอบที่ดินที่นายพิธาถือกรรมสิทธิ์

งูเห่า...ในพรรคเพื่อไทยก็เริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ หลังจากที่เพื่อไทยได้ประชุม ส.ส. ที่เอสซีปาร์ค เกิดเป็นกระแสในการต่อรองตำแหน่งประธานสภาขึ้นมา พร้อมทั้งมีการเปิดเผยจาก อดีต นปช. และนายไพศาล พืชมงคล ว่า มีกล้วยจากฝ่ายพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียข้างน้อย ถึง 6,000 ล้านบาท ที่จะแจกหวีละ 100 กิโล ให้กับงูเห่าที่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกคนที่ 30 ต่อไป

จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนัก กอร์ปกับเป็นช่วงเวลาที่ลุงป้อมได้เดินทางไปอังกฤษ ที่ทำให้เกิดกระแสความคิดว่าลุงป้องไปพบคนแดนไกล เพื่อพลิกเกมการเมือง ถึงแม้ท่านจะออกมาบอกว่าไปตรวจสุขภาพ และดูการแข่งม้าก็ตาม

ประเด็นที่ตอกย้ำชัดว่า... เพื่อไทยต่อรองตำแหน่งประธานสภาหนัก

เมื่อรองโฆษกพรรคก้าวไกลออกมาแจ้งผู้สื่อข่าวว่า...

“การประชุมหารือเกี่ยวกับประธานรัฐสภาขอเลื่อนออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด ทั้งนี้หากมีกำหนดการใหม่ จะแจ้งสื่อมวลชนทราบภายหลัง”

ยิ่งเป็นดรรชนีที่ชี้ให้เห็นว่า การเสนอหมออ๋อง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. เขต 1 พิษณุโลกเป็นประธานสภา ก็คงจะมีปัญหา เมื่อกระแสภายในพรรคเพื่อไทยจะเสนอ นายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานรัฐสภาแข่ง
เกมเขย่าบัลลังก์นายพิธา ที่เริ่มจากพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ดูจะสอดคล้องกับตัวเลขที่ถูกเปิดเผยออกมาจากหลายคน

ราคากล้วยที่แพงลิบถึงหวีละ 100 กิโล

มีน้ำหนักให้เชื่อได้ ทั้งที่เสี่ยหนูออกมาปฏิเสธว่า...

“ใครจะจ่ายตั้งหัวละ 100 ล้าน ใครจ่ายก็ควายแล้ว”

นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมเริ่มแคลงใจว่า พรรคก้าวไกลจะถูกพรรคเพื่อไทยหักหลัง โดยผลักให้พรรคก้าวไกลซึ่งมีเสียงในสภามากที่สุดไปเป็นฝ่ายค้าน

โดยมีนักวิเคราะห์การเมืองหลายคนได้ให้ความเห็นว่า บรรไดขั้นแรกคือการได้มาซึ่งประธานรัฐสภาของพรรคเพื่อไทยก่อน โดยสัญญาว่าจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นในวันลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว. จะไม่สนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯ  ซึ่งจะเป็นข้ออ้างอย่างชอบธรรมว่า...

นายพิธาเป็นนายกฯ ไม่ได้

ต้องให้พรรคอันดับสองเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นแผนซ้ำรอยที่พรรคประชาธิปัตย์ได้กระทำต่อพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย เมื่อครั้งที่ผ่านมา แล้วก็จะผลักดันให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน โดยที่เพื่อไทยเป็นผู้รวบรวมพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาจัดตั้งรัฐบาล

กระแสต่อต้านนายพิธายังคงมีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ เมื่อเนติบรกร เปิดเผยว่า ศาลยุติธรรมได้มีหนังสือถึงสำนักงานอัยการสูงสุด สอบถามถึง “จะรับ หรือ ไม่รับ กรณีเรื่องร้องเรียน นายพิธา ใช้ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.112 ซึ่งถือว่า เป็นการล้มล้างระบอบการปกครอง”

นี่เหมือนกับเนติบริการได้หยดสารเร่งปฏิกิริยาลงในสมการการเมืองให้ร้อนขึ้นอีกระดับ ที่มันจะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้ใช้ปราการณ์และสถานการณ์ในการชิ่งหักลังพรรคก้าวไกล เพื่อจับขั้วการเมืองฝั่งอนุรักษ์นิยมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทยได้ทั้งนายกรัฐมนตรี และประธานรัฐสภา

ที่มีนายพิธาเป็นประธานพรรคฝ่ายค้าน

ถึงแม้นว่านายพิธาจะมีกระแสต่อต้านในสภามากมาย ทั้งกระสุนปืนใหญ่ และสภาพแวดล้อมที่รายล้อมด้วย ส.ส.วัยเกษียณ

ที่มองว่าครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายในการก้าวเข้าสู่รัฐสภาอันทรงเกียรติ

ตัวเลือกระหว่างกล้วยหวีใหญ่ราคาแพง กับ อุดมการณ์อันสูงส่งที่มีต่อประชาชน

คงเป็นการเปรียบเทียบในการตัดสินใจไม่ยากเย็นนัก  สำหรับทิศทางในการก้าวเดินทางการเมืองของนักการเมืองกลุ่มนี้

แต่นายพิธาเองก็ยังคงมีกระแสสนับสนุนทั้งภายในและภายนอกสภา ซึ่งถือว่าการเดิมเกมทั้งการเมืองของนายพิธาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักการรุ่นลายครามทั้งหลาย ไม่ว่าการเดินเข้าหา ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน และ ส.ว. ที่ยังคงมีความเป็นห่วงเป็นไยกับอนาคตบ้านเมืองที่มีลูกหลานของเขาต้องดำรงชีวิตอยู่ในประเทศนี้ต่อ ต่อการลงไปขอบคุณพี่น้องชาวสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ซึ่งมีประชาชนผู้ให้การสนับสนุนพรรคก้าวไกลมาต้อนรับเป็นเรือนหมื่น อีกทั้งการเข้ารายงานตัวของพรรคก้าวไกล ที่มี ส.ส. ร่วมกันเดินเข้าสภาอย่างพร้อมเพียง ที่มีป้ายต้นรับจากกลุ่มแม่บ้านรัฐสภาต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งไม่เคยมี ส.ส. พรรคได้ได้รับการต้อนรับแบบนี้มาก่อน

ในขณะเดียวกัน ทางสภา กทม. ก็กำหนดนโยบายให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ให้เสรีทรงผมแก่นักเรียน และให้นักเรียนแต่งชุดไปรเวทไปโรงเรียนอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน การปูกระแสสุราก้าวหน้า รัฐสวัสดิการ เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เรื่องการปราบคอร์รัปชั่น และอีกหลายๆ เรื่องที่เป็นความหวังของสังคมไทย ที่ทำให้สลิ่มจำนวนมากได้กลับใจ สนับสนุนพรรคก้าวไกล ได้เกิดความหวังร่วมกับพี่น้องชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยในอนาคต นี่เป็นกระแสการสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่เป็นรูปธรรม ที่จะต้านกระแสต่อต้านนายพิธาเป็นนายกฯ ที่สร้างความกังวลให้กับนักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม

ที่กังวลถึงการสูญพันธุ์ทางการเมืองในอนาคต 

การถาโถมใส่ความหวังให้กับสังคมไทยของพรรคก้าวไกล และการสร้างกระแสต่อต้านเชิงความได้เปรียบทางการเมืองจากพลังงูเห่าในพรรคเพื่อไทยรวมกันฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่มีสไตล์การเดิมเกมการเมืองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดยที่พลังงูเห่าและฝ่ายอนุรักษ์นิยมออกเกมในลักษณ์กล่าวหา และอธิบายให้ฝ่ายตนได้เปรียบต่อสาธารณะ ในขณะที่พรรคก้าวไกลได้ชี้แจงอย่างสุภาพ ข้อมูลที่สนับสนุนอย่างมีเหตุผลและเป็นไปได้ เปิดเผยและไม่ปิดบัง ตามสถานการณ์และจังหวะ โดยวางท่าทีอย่างเป็นมิตรเคารพต่อเสียงประชาชนที่มอบหมายให้มาทำหน้าที่แทนในสภา และยังคงมีความหนักแน่นที่นุ่มนวล

ท่าทีเกมทางการเมืองสองฝั่ง จะนำไปสู่การตัดสินของอำนาจการปกครองของพรรคการเมืองฝ่ายไดนั้น

ประชาชนคนไทยโปรดติดตามต่อไปนะครับ.....