In Global

'คิวเอส'เผยผลจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประจำปี2567'สิงคโปร์-จีน'ติด1ใน20



ลอนดอน--29 มิถุนายน 2566-คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส (QS Quacquarelli Symonds) สถาบันวิเคราะห์ข้อมูลด้านการอุดมศึกษาระดับโลก ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก (QS World University Rankings) ครั้งที่ 20 ประจำปี 2567 ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัย 1,500 แห่ง ใน 104 สถานที่ทั่วโลก โดยถือเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยเพียงหนึ่งเดียวที่มุ่งเน้นในส่วนของความสามารถในการทำงาน (Employability) และความยั่งยืน (Sustainability)

ผลการจัดอันดับมาจากการวิเคราะห์เอกสารทางวิชาการ 17.5 ล้านฉบับ รวมถึงความคิดเห็นของคณาจารย์และนายจ้างกว่า 240,000 คน ซึ่งผลปรากฏว่า สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology) ยังครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่นเป็นปีที่ 12 ตามมาด้วยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge) ที่ยังรั้งอันดับ 2 และมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด (University of Oxford) ที่ไต่ขึ้นมาหนึ่งขั้นอยู่ที่อันดับ 3

ในปีนี้ คิวเอสได้ปรับปรุงวิธีการจัดอันดับครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการนำสามตัวชี้วัดใหม่มาใช้ ได้แก่ ความยั่งยืน (Sustainability) ผลลัพธ์ด้านการจ้างงาน (Employment Outcomes) และเครือข่ายการวิจัยระดับนานาชาติ (International Research Network)

"การปรึกษาหารือในเชิงลึกเกี่ยวกับการอุดมศึกษาทั่วโลก ทำให้การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอสให้ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของกลุ่มเจนแซด (Gen Z) และอัลฟา (Alpha) มากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญอย่างแท้จริงสำหรับนักศึกษาที่ใส่ใจสังคมมากขึ้นในโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว" คุณเบน โซวเทอร์ (Ben Sowter) รองประธานอาวุโสของคิวเอส กล่าว

ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกของคิวเอส ประจำปี 2567: 20 อันดับแรก

2567

2566

   

1

1

สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)

สหรัฐอเมริกา

2

2

มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ( University of Cambridge)

สหราชอาณาจักร

3

4

มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ( University of Oxford)

สหราชอาณาจักร

4

5

มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ( Harvard University)

สหรัฐอเมริกา

5

3

มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ( Stanford University)

สหรัฐอเมริกา

6

 6=

อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน ( Imperial College London)

สหราชอาณาจักร

7

9

สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก ( ETH Zurich)

สวิตเซอร์แลนด์

8

11

มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ( National University of Singapore)

สิงคโปร์

9

8

มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ( UCL)

สหราชอาณาจักร

10

27

มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ( University of California, Berkeley)

สหรัฐอเมริกา

11

10

มหาวิทยาลัยชิคาโก ( University of Chicago)

สหรัฐอเมริกา

12

20

มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ( Cornell University)

สหรัฐอเมริกา

13

13

มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ( UPenn)

สหรัฐอเมริกา

14

33

มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ( The University of Melbourne)

ออสเตรเลีย

=15

6=

สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ( Caltech)

สหรัฐอเมริกา

=15

18

มหาวิทยาลัยเยล ( Yale University)

สหรัฐอเมริกา

=17

12

มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ( Peking University)

จีน

=17

 16=

มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ( Princeton University)

สหรัฐอเมริกา

=19

45

มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ( The University of New South Wales)

ออสเตรเลีย

=19

41

มหาวิทยาลัยซิดนีย์ ( The University of Sydney)

ออสเตรเลีย

© คิวเอส ควัคควาเรลลี ซีมอนด์ส 2547-2566 www.TopUniversities.com

สรุปข้อมูลที่น่าสนใจ

  • มหาวิทยาลัย 75% ในแอฟริกาทำผลงานดีขึ้น และมี 9 แห่งเข้ามาติดอันดับเป็นครั้งแรก
  • มหาวิทยาลัยในอาหรับยังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น
  • มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) เข้ามาติด 10 อันดับแรกได้สำเร็จ โดยรั้งอันดับ 8 และครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเอเชีย ส่วนมหาวิทยาลัยในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นยังคงแข็งแกร่ง แต่น้อยกว่า ขณะที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยและอินโดนีเซียเริ่มไต่อันดับขึ้นมา
  • มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียทำผลงานโดดเด่นในระดับโลก โดยเข้ามาติด 20 อันดับแรกรวม 3 แห่ง
  • แคนาดาได้มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแห่งใหม่ นั่นคือ มหาวิทยาลัยโทรอนโต (University of Toronto)
  • มหาวิทยาลัยในจีนทำผลงานดีขึ้นมากที่สุดในด้านผลกระทบของงานวิจัย โดยมหาวิทยาลัย 79% มีการอ้างอิงผลงานทางวิชาการ (Citations per Faculty) เพิ่มมากขึ้น 
  • สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก (ETH Zurich) ครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในยุโรปเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน
  • มหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสทำผลงานโดดเด่น โดยมหาวิทยาลัยพีเอสแอล (Université PSL) เข้ามาติด 25 อันดับแรก ในอันดับที่ 24
  • อินเดียได้มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศแห่งใหม่ นั่นคือ สถาบันเทคโนโลยีอินเดียบอมเบย์ (IIT Bombay) ซึ่งติด 150 อันดับแรกของโลก
  • มหาวิทยาลัยเซาเปาโล (Universidade de Sao Paulo) รั้งอันดับ 85 และครองตำแหน่งมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในลาตินอเมริกา
  • มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรทำผลงานโดดเด่นในส่วนของความร่วมมือด้านการวิจัยข้ามพรมแดน โดยมหาวิทยาลัย 72 แห่ง จาก 90 แห่ง ทำผลงานดีขึ้น
  • มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley) ในสหรัฐอเมริกา เข้ามาติด 10 อันดับแรก และเป็นอันดับหนึ่งของโลกในด้านความยั่งยืน