In Thailand

3พ่อเมืองแปดริ้ว-ปราจีน-นครนายกร่วม ทีมงานกำจัดผักตบชวาน้ำบางปะกง



กรุงเทพฯ-3 พ่อเมืองลุ่มน้ำบางปะกง “แปดริ้ว-ปราจีน-นครนายก” บูรณาการความร่วมมือทีมจังหวัดกำจัดผักตบชวา น้อมนำพระราชปณิธาน “แก้ไขในสิ่งผิด” พลิกฟื้นคืนชีวิต ให้สายน้ำบางปะกง

วันนี้ (1 ก.ค. 66) นายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เปิดเผยว่า ปัญหาผักตบชวาและวัชพืชในแม่น้ำคูคลอง เป็นปัญหาที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญในการแก้ไขและได้ติดตามผลการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ใช้เส้นทางน้ำในการคมนาคมขนส่ง และเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับปัญหาน้ำหลากในช่วงฤดูฝนนี้ โดย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับให้จังหวัดที่มีลำน้ำสายหลักที่พบปริมาณผักตบชวาเป็นจำนวนมาก เร่งบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการปกครอง รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสริมสร้างพลังภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี ทั้งภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคประชาชน และภาคสื่อสารมวลชน ร่วมกันสร้างความรับรู้ความเข้าใจและพลังความร่วมมือในการช่วยกันกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในคลองซอย รวมถึงตามลำคลองแม่น้ำสาขาเล็ก ๆ ในพื้นที่ เพื่อกำจัดผักตบชวาและวัชพืช ไม่ให้ไหลลงมาสู่แม่น้ำสายหลัก

เพื่อเป็นการดำเนินมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 ให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน มีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งการแก้ไขปัญหาผักตบชวานั้น ถือเป็นการแก้ไขในสิ่งผิด ที่จะต้องเกิดพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จังหวัดปราจีนบุรีจึงได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดนครนายก และจังหวัดฉะเชิงเทรา เร่งแก้ไขปัญหาผักตบชวา บริเวณลำน้ำบางปะกง ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ร่วมกันทำกิจกรรม Kick-off โครงการบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวาแม่น้ำบางปะกง ณ สะพานบางขนาก ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางแตน อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากทั้ง 3 จังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสา ร่วมกิจกรรม” ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี กล่าว

นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวว่า แม่น้ำบางปะกง เป็นแม่น้ำสายสำคัญของภาคตะวันออก มีความยาวประมาณ 231 กิโลเมตร มีต้นกำเนิดจากแม่น้ำปราจีนบุรี แม่น้ำนครนายก และคลองบางหอย โดยไหลมาบรรจบกันที่บริเวณปากน้ำโยธะกา ที่อยู่ระหว่างอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี และอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ก่อนที่จะไหลผ่านพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราไหลลงสู่ทะเลอ่าวไทย ซึ่งที่บริเวณสะพานบางขนาก ที่ปากน้ำโยธะกาแห่งนี้ มีผักตบชวาและวัชพืชกีดขวางทางน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ประสบปัญหาการระบายน้ำในฤดูฝน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุทกภัยในจังหวัดฉะเชิงเทราและในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ซึ่งจากการประชุมติดตามของคณะกรรมการลุ่มน้ำบางปะกง ได้มีมติให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการกำจัดผักตบชวาโดยบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวาแม่น้ำอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง และไม่ให้เกิดผลกระทบกับพี่น้องประชาชน

“จังหวัดฉะเชิงเทรา จึงได้บูรณาการร่วมกับจังหวัดปราจีนบุรีและนครนายก ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ตั้งแต่ต้นน้ำ ตลอดจนถึงปลายน้ำ ด้วยการระดมสรรพกำลังและเครื่องจักรกล และการสนับสนุนจากทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงองค์กรภาคีเครือข่าย อาทิ รถขุดบูมยาวพร้อมโป๊ะ รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุกเทท้าย รถแบคโฮแขนยาว รถแบคโฮแขนสั้น เรือท้องแบนสำหรับติดตั้งทุ่นและผลักดันผักตบชวา และทุ่นแกลลอน ซึ่งการดำเนินการขุดลอกผักตบชวาและวัชพืชในบริเวณสะพานบางขนากในวันนี้ ทางจังหวัดฉะเชิงเทราจะนำผักตบชวาที่ได้ไปพักไว้ เพื่อนำไปผลิตแปรรูปเป็นปุ๋ยหมัก ในโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ตำบลบางแตน ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้ประชาชนนำผักตบชวามาแปรรูปเป็นปุ๋ยหรือสินค้าที่สามารถเพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์จากผักตบชวาได้ นอกจากจะเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแล้ว ยังเป็นการช่วยกันทำความสะอาดให้แม่น้ำลำคลองมีความสะอาด ปราศจากขยะและวัชพืช ช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองที่เป็นแม่น้ำแห่งชีวิตของคนไทยได้อีกด้วย” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา กล่าว

ด้านนายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ผักตบชวาจัดเป็นวัชพืชต่างถิ่นที่แพร่ระบาด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพืชพื้นเมืองและระบบนิเวศของประเทศไทย สร้างปัญหาทั้งในด้านการเกษตร การชลประทาน และส่งผลต่อสุขภาพอนามัย ได้แก่ 1) เป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำของฝายหรือประตูระบายน้ำ เนื่องจากผักตบชวาไปลดการไหลของน้ำลงประมาณ 40% 2) เป็นอุปสรรคสำคัญที่กีดขวางการสัญจรทางน้ำ ทำให้การสัญจรทางเรือเป็นไปได้ยาก 3) เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค เช่น หอยไบธีเนียที่เป็นพาหะนำโรคพยาธิใบไม้ในตับ เป็นที่อยู่อาศัยของลูกน้ำยุงลาย 4) ผักตบชวาจะไปแย่งน้ำและอาหารจากพืชที่ปลูก แพผักตบชวาที่ไหลมาตามน้ำจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของศัตรูพืชนานาชนิด เช่น หนูและศัตรูอื่น ๆ และ 5) ผักตบชวาที่ขึ้นหนาแน่นจะเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของปลาและการจับปลา ทำให้แหล่งน้ำตื้นเขิน และปริมาณของผักตบชวาที่ลอยอยู่อย่างหนาแน่นบนผิวน้ำ ซึ่งการควบคุมผักตบชวาเป็นไปได้ยาก เนื่องจากผักตบชวามีความทนทานต่อสภาวะแวดล้อม ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วโดยใช้เมล็ดและการแตกหน่อ ในเวลาเพียง 1 เดือน ผักตบชวา 1 ต้น อาจขยายพันธุ์ได้มากถึง 1,000 ต้น ถึงแม้ว่าน้ำจะแห้ง เมล็ดของผักตบชวาก็สามารถพักตัวได้นานถึง 15 ปี และเมื่อได้รับน้ำเพียงพอก็จะแตกหน่อเป็นต้นใหม่ต่อไป

“การดำเนินกิจกรรมในวันนี้ เป็นการขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการให้ส่วนราชการร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูบูรณะแม่น้ำคูคลองในพื้นที่จังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาแม่น้ำคูคลอง เสริมสร้างจิตสำนึกในการดูแลสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติ ป้องกันปัญหาอุทกภัย ตลอดจนการบรรเทาความเดือดร้อน หรือการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งนี้ ขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมเป็นจิตอาสาอนุรักษ์และพัฒนา พลิกฟื้นคืนความสดใสให้กับแม่น้ำบางปะกง ซึ่งพวกเราทุกคนที่มาในวันนี้มีความมุ่งมั่นทำให้เกิดสิ่งที่ดี Change for Good โดยเป้าหมายเดียวกัน คือ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความสุข สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยจะได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาสถานการณ์ปัญหาผักตบชวาให้ลดน้อยลงที่สุด อันจะยังผลให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน” ผู้ว่าฯ นครนายก กล่าวเพิ่มเติม

#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข #MOI #Changeforgood #SDGTH #แก้ไขในสิ่งผิด