Think In Truth
ก้าวไกลกับการตัดสินใจบนทางสองแพร่ง โดย : หมาเห่าการเมือง
การเติบโตของพรรคก้าวไกล เป็นผลพวงจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เพื่อการขายตัวของ ส.ส. งูเห่า การรวมกันของกลุ่ม ส.ส.อนาคตใหม่ เข้ามาสังกัดพรรคก้าวไกล เป็นสิ่งที่สังคมไทยสะท้อนความรู้สึกเห็นใจ จากผลที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่ขาดความเจนจัดในยุทธศาสตร์และยุทธวิธีทางการเมือง แต่ด้วยสมาชิกพรรคก้าวไกลเองมีภาพลักษณ์ของกลุ่มนักการเมืองคนรุ่นใหม่ ถึงแม้จะมีนักการเมืองบางคนในพรรคก้าวไกลเป็นผู้ที่มีอายุมากแล้วก็ตาม หากแต่แนวทางการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง มีความสอดคล้องและไปในแนวทางของพรรคก้าวไกลได้ด้วยดี หรือแม้แต่บางเรื่องก็เป็นหัวหอกหลักในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคก้วไกลอีกด้วย
การดำเนินการทางการเมืองของพรรคก้าวไกล มีการทำงานที่สอดประสานกับการทำงานนอกสภาของกลุ่มก้าวหน้า ที่เป็นการทำงานประหนึ่งองค์กรเอกชน ที่ทำกิจกรรมกับชุมชน เครือข่ายต่างๆ ไม่ว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มคนชายขอบ กลุ่ม LGBTQ กลุ่มชาวประมง กลุ่มสุราก้าวหน้า และอีกหลายๆ กลุ่ม ส่วนกลุ่มนักเรียนเลว ผู้เขียนไม่มีข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์เชิงกิจกรรมร่วมหรือไม่?...
การเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย มีความคาดหวังในการที่จะได้รับการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ เพื่อเป็นแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล และควบคุมกลไกในการทำงานของฝ่ายรัฐบาล ซึ่งมีกลุ่มนักวิเคราะห์การเมืองหลายกลุ่มก็มองว่า พรรคเพื่อมีความจำเป็นต้องได้เป็นรัฐบาล และเป็นแกนนำหลัก เพื่อทำตามความประสงค์ที่อยากกลับบ้านของคนแดนไกล ส่วนหนึ่ง ซึ่งนั่นเป็นความเห็นของนักวิเคราะห์การเมืองได้มองไว้ แต่ถ้าจะติดตามปรากฏการณ์ทางการเมืองก็จะมีเหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้น เช่น การประกาศการกลับประเทศไทยของคนแดนไกล แต่หลังผลการเลือกตั้งเสร็จ ก็มีข่าวจากวงในหลุดออกมาถึงการไปทานข้าวร่วมกันของครอบครัวแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และมีการพูดตุยกันถึง ยังไม่อยากให้คนแดนไกล และยังไม่อยากให้แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยคนที่สอง เป็นนายกรัฐมนตรี ณ ช่วงเวลานี้ นัยยะของข้อมูลที่หลุดออกมาอย่างนี้ ทำให้นักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายคนวิเคราะห์ว่า ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างที่เป็น ทำให้เกิดการพลิกดีลลับ ที่เตรียมการย้ายพรรคของงูเห่ากลุ่มใหญ่ เข้าสู่พรรคเพื่อไทย เพื่อการรับตำแหน่งทางการเมือง ในการดำเนินภาระกิจบางอย่าง
แต่เมื่อพรรคก้าวไกลเกิดได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยดำเนินการหาเสียงเลือกตั้ง อย่างบริสุทธิ์ นั่นส่วนหนึ่งก็มาจากความชัดเจนในการอาสามาเป็นตัวแทนของประชาชน และความเห็นใจจากกลุ่มไทยเฉย ที่รู้สึกว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกลุ่มอนุรักษ์อำนาจนิยม ที่อาศัยเครื่องมือจากรัฐธรรมนูญ คือ ส.ว. ที่ได้รับการแต่งตั้งจากการสรรหาของ คสช. มาเลือกนายกรัฐมนตรี อีกทั้งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ก็ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะการถือหุ้นสื่อที่เลิกกิจการไปแล้ว และเกิดการยุบพรรคอนาคตใหม่ ทำให้ ส.ส. บางคนแปลสภาพเป็นงูเห่า ย้ายสังกัดไปอยู่ทางฝั่งรัฐบาล จากรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก ความเห็นใจจากการได้รับผลทางการดำเนินกิจการทางการเมือง รวมกับผลงานของการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าย ที่มีความชัดเจนในการซักฟอก ถึงแม้จะไม่ระคายผิวของฝ่ายรัฐบาลเลยก็ตาม เป็นก็ยังเป็นความเชื่อหมั่นให้กับไทยเฉย และกลุ่มคนเสื้อแดงที่รู้สึกกับพรรคเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ได้ตัดสินใจให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นผลต่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ถึงแม้นว่า พรรคก้าวไกลที่นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะสามารถรวมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ และลงนาม MOU เพื่อเป็นสิ่งที่ช่วยจำว่า แปดพรรคเป็นพันธมิตรในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ช่วงเวลาก่อนการประชุมรัฐสภาครั้งแรกในวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 ที่จะถึงนี้ ก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ทางการเมืองของทั้งฝ่ายพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล และพรรคที่ไม่มีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนรษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในการควบคุมการดำเนินกิจการของสภา อีกทั้งเป็นฐานที่สำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งประเด็นดังกล่าวกลุ่มนักวิเคราะห์การเมืองและนักวิชาการหลายท่านได้มองว่า ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นของพรรคเพื่อไทย โดยโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีสูงมาก หรือไม่ก็จะถูกผลักให้ไปเป็นฝ่ายค้าน โดยที่พรรคเพื่อไทยจะผสมพันธุ์กับพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์อำนาจนิยมจัดตั้งรัฐบาลแทน แต่พรรคก้าวไกลก็ได้แสดงท่าทีถึงความไม่ยี่หระต่อการที่จะทำหน้าที่อะไรก็ได้ อีกทั้งรองหัวหน้าพรรคก้าวไกลยังออกมาว่า “ยักไหล่เลย” เพราะได้ทำหน้าที่การก้าวมาสู่รัฐสภาตามระบบ นั่นหมายถึงพรรคก้าวไกลก็มีความพร้อมที่จะเป็นทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน
บนทางสองแพร่งในการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล กับกลายเป็นผลบวกให้กับพรรคก้าวไกล ที่จะก้าวเดินทางไหนก็จะได้ผลดีกับพรรคก้าวไกลทั้งนั้น คือ ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็จะสามารถดำเนินการบริหารบ้านเมืองตามนโยบายที่วางไว้ ซึ่งได้ผลตามที่วางไว้ก็จะกลายเป็นพรรคมหาชนที่พรรรคอื่นๆ ที่ดำเนินกิจกรรทางการเมืองแบบโบราณเทียบชั้นไม่ได้ หากแต่ก็มีบางนโยบาย อาจจะไม่ได้ดำเนินการอันเนื่องจากเป็นรัฐบาลผสม ที่มีพรรคการเมืองอื่นรับผิดชอบ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็จะเสี่ยงต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติ ถ้าได้รับผลดี ก็จะทำให้เสมอตัว ที่โดนพรรคฝ่ายค้านตรวจสอบแต่สามารถพิสูจน์ได้ หากแต่พิสูจน์ไม่ได้หรือเกิดผลตามฝ่ายตรวจสอบค้นพบถึงความเสียหายเกิดขึ้น พรรคก้าวไกลก็จะได้รับกระแสลบต่อสาธารณะ หรือหากแต่นำนโยบายที่สุ่มเสี่ยงไปปฏิบัติแล้วเกิดกระแสต่อต้านจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็เป็นผลที่ไม่ดีต่อรัฐบาลของก้าวไกล
ถ้าพรรคก้าวไกลถูกหักหลังจนต้องตกไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลจะไม่ได้รับผลกระทบทางความนิยมเลย หากแต่จะได้รับความเห็นใจจากกลุ่มไทยเฉยที่ยังไม่สนับสนุน และกลุ่มคนเสื้อแดงที่เลือกเพื่อไทยแต่ให้ปาตี้ลิสต์พรรคก้าวไกล ซึ่งกลุ่มที่ให้คะแนนปาตี้ลิสต์ก้าวไกลนี่แหละถือว่าเป็นกลุ่มสำคัญกลุ่มใหญ่ จะหันกลับมาสนับสนุนพรรคก้าวไกล ที่จะส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคก้าวไกลจะได้รับการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ซึ่งอาจจะเกิน 300 เสียง ซึ่งมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวในอนาคต
ซึ่งสามารถที่จะทำนายได้เลยว่าจะมีพรรคไหนบ้างที่จะสูญพันธุ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า