Authority & Harm
2พี่น้องถูกรุมกระทืบสลบร้องสื่อ
สุราษฎร์ธานี-2พี่น้องถูกรุมกระทืบสลบร้องสื่อ แจ้งความตำรวจให้หาคนก่อเหตุเอง ยอมรับเมาหาเรื่องคู่กรณีก่อนแต่ติดใจ ถูกคนอื่นเข้ามารุมด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่26/6/66 เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ หลังจากที่ผู้บาดเจ็บได้ดื่มสุรากันที่บ้านจนเมาหนักทั้งสองคน ได้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปยังงานวัดปลายหริกศรัทธาราม ต.เคียนซา อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อไปถ่ายรูปกับนักร้อง และไปมีเรื่องชกต่อยกับนายแวว(ชายเสื้อขาวผมยาวในคลิป)ก่อนจะโดนคู่กรณี6-7คนรุมกระทืบและโดนเตะใบหน้าอย่างจังจนสลบส่วนตัวน้องชายที่ไปด้วยถูกของมีคมไม่ทราบชนิดแทงบริเวรแก้มขวาได้รับบาดเจ็บ
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำตัวผู้บาดเจ็บทั้ง2รายส่งโรงพยาบาลเคียนซา คือนายเฉลิมพล พิกุล อายุ36 ปี อยู่ในอาการสลบไม่รู้สึกตัวมีเลือดออกที่จมูกและปาก และนายอภิวัฒน์ พิกุล อายุ26 ปี ถูกแทงเข้าที่แก้มขวา 1แผล และแพทย์ได้ส่งตัวนายเฉลิมพล ไปยังรพ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากกระดูกดั้งจมูกหักจนต้องรักษาตัวอยู่รพ.สุราษฎร์ธานีนาน2วันและแพทย์อนุญาติให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านและได้เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีที่สภ.เคียนซา แต่พนักงานสอบสวนให้ไปสืบหาคู่กรณีมาเองจึงจะออกหมายเรียกคู่กรณีมาพบให้
ล่าสุดวันนี้ (2/7/66) นายเฉลิมพล นายอภิวัฒน์ และนางสาวธันยาภรณ์ พิกุล ซึ่งเป็นน้องสาว ได้เดินทางมาร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวเนื่องจากกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ช่วยติดตามหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ และไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุหลายคนที่มารุมทำร้ายเป็นใครบ้าง
โดยนายเฉลิมพล ที่ใบหน้ายังคงบวมช้ำ และตาแดงกล่ำ เล่าว่า คืนเกิดเหตุ ยอมรับว่าตนเมาและอาจจะพลาดพลั้งไปหาเรื่องนายแวว (เสื้อขาว)ก่อน แต่ตนก็ติดใจว่าทำไมคนอื่นต้องมารุมทำร้าย ไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างตนกับนายแวว ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยมีปัญหากับนายแววมาก่อน ซึ่งตนก็ต้องขอโทษนายแววและภรรยาด้วย ที่เข้าไปหาเรื่อง แต่ก็อยากถามกลุ่มคนที่มารุมกระทืบว่ามาทำร้ายตนทำไม
ทางด้านนางสาวธันยาภรณ์ พิกุล ซึ่งเป็นน้องสาว กล่าวว่า หลังจากรู้ว่าพี่ชายโดนรุมทำร้าย ตนก็ได้เดินทางไปดูที่โรงพยาบาล ซึ่งตอนนั้นหมอก็บอกว่าต้องส่งตัวพี่ชายไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดเนื่องจากกระดูกที่ดั้งหัก ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภ. เคียนซา และได้ส่งคลิปหลักฐานทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน ซึ่งในคลิปสามารถมองเห็นหน้าและระบุตัวตน กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ชัดเจน แต่ตำรวจได้บอกกลับ มาว่าให้เราไปหาชื่อนามสกุลจริงของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาแล้วทางตำรวจจะออกหมายเรียกให้ โดยในส่วนนี้ตนมองว่าไม่ใช่หน้าที่ของต้นที่ต้องไปหาชื่อหรือข้อมูลของคู่กรณีมาเพราะทางตำรวจก็มีหน้าที่สืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุอยู่แล้ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าที่ผ่านมาพี่ชายกับนายแวว หรือกลุ่มคู่กรณีไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน แถมบ้านก็ยังอยู่ใกล้กันอีกด้วย ที่ตนทราบมาบ่มในการเกิดเหตุในครั้งนี้น่าจะมาจากที่พี่ชายของตนเมาไปหาเรื่อง นายเวลก่อนซึ่งตนก็ต้องขอโทษแทนพี่ชายด้วย แต่นอกจากนี้เติมก็ติดใจว่าคนอื่นที่มารุมทำร้ายทำไมต้องมาทำกันด้วยเพราะพี่ชายของตนมีปัญหากับพี่แววเท่านั้น