In Thailand
กรมราชทัณฑ์ทำเอ็มโอยูหยกขาวบ๊อกซิ่ง โครงการฝึกวิชาชกมวยไทยให้ผู้ต้องขัง
จันทบุรี-“กรมราชทัณฑ์ จับมือ บริษัทหยกขาว บ๊อกซิ่ง จำกัด บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยให้แก่ผู้ต้องขัง”
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 เวลา 09.30 นาฬิกา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ บริษัทหยกขาว บ๊อกซิ่ง จำกัด จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยให้แก่ผู้ต้องขัง โดยมี Mr. Philip Villa กรรมการบริษัทหยกขาว บ๊อกซิ่ง จำกัดร่วมลงนามในครั้งนี้ พร้อมด้วยนายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา นายวิรุณ เจริญเกียรติวงศ์ ผู้อำนวยการ กองพัฒนาพฤตินิสัย นายธิตินัย พาติกบุตร ผู้อำนวยการทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา คณะผู้บริหารบริษัทหยกขาว บ๊อกซิ่ง จำกัด ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ เรือนจำ และทัณฑสถาน เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีดังกล่าว ณ ทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี
นายอายุตม์ฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโครงการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยให้แก่ผู้ต้องขังครั้งนี้โดยทัณฑสถานเปิดทุ่งเบญจา จังหวัดจันทบุรี ถือเป็นเรือนจำนำร่องแห่งแรก ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการขยายโอกาสให้แก่ผู้ต้องขังที่มีความสนใจหรือมีความสามารถพิเศษ ด้านกีฬามวยไทย ให้ได้รับการฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจให้แก่ผู้ต้องขัง นับเป็นการสร้างโอกาสการมีอาชีพให้แก่ผู้ต้องขังสำหรับเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ เพื่อช่วยป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ สามารถคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยกรมราชทัณฑ์ จะมีการคัดเลือกเรือนจำ/ทัณฑสถานที่เหมาะสมกับโครงการดังกล่าว เพื่อเข้ารับการฝึกวิชาชีพชกมวยไทยฝึกซ้อม และฝึกทักษะอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกแก่วิทยากรและบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ในการร่วมวางแผนการจัดฝึกวิชาชีพชกมวยไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าของความร่วมมือ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานร่วมกัน
นายอายุตม์ฯ ทิ้งท้ายว่า การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง นับเป็นภารกิจที่สำคัญของกรมราชทัณฑ์ ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริม สนับสนุน จัดฝึกวิชาชีพ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่หลายภาคส่วนมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการขยายโอกาสให้ผู้ต้องขังที่มีทักษะวิชาชีพ เพื่อยกระดับการพัฒนา ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้ต้องขัง อันเป็นการสร้างโอกาส สร้างการยอมรับจากสังคม ชุมชนและครอบครัวให้กับผู้พ้นโทษ อีกทั้งยังเป็นช่องทางการหารายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ และไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำ คืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคมต่อไป