Travel Sport & Soft Power
สียัดขาดน้ำนานจ่อกระทบแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชนล่าสุดเริ่มมีฝนแล้ว
ฉะเชิงเทรา-สียัดขาดน้ำนาน หวั่นกระทบแหล่งท่องเที่ยวเลื่องชื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน ล่าสุดเริ่มมีฝนตกลงมาในพื้นที่เหนือสันเขื่อนบ้างแล้ววันนี้ ด้านแม่ค้าโอดช่วงฝนทิ้งช่วงทำรายได้หดหาย แต่บางรายยันปรับตัวได้พร้อมเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ขณะพื้นที่ทางธรรมชาติยังมีความสวยงามชวนน่าหลงใหลไปตามฤดู แต่เส้นทางเข้าชมถูกปิดกั้น
วันที่ 10 ก.ค.66 เวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางลงพื้นที่เข้าพูดคุยสอบถามถึงการตื่นตัวของประชาชน ต่อผลกระทบที่กำลังจะเกิดขึ้นจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่ได้เริ่มส่งผลทำให้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงมานับตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย.66 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะกระทบต่อประเทศไทยในระยะยาว จนทำให้ฝนตกน้อยลงไปอีกอย่างน้อย 3-5 ปีข้างหน้าว่า ชาวบ้านมีการตื่นตัวหรือวิตกกังวล และมีการเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง
โดยได้รับคำตอบจาก น.ส.ณัฐฏาภรณ์ นาวินโพธิ์ทอง อายุ 37 ปี ชาวบ้านฝั่งคลอง ม.21 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งมีอาชีพค้าขายเสื้อผ้า ก๋วยเตี๋ยวเป็ด อาหารตามสั่ง อาหารป่า รวมถึงเมนูอาหารอีสาน ที่บริเวณน้ำตกบ่อทราย ซึ่งอยู่ใต้แนวสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ลงมาจากประตูระบายประมาณ 500 เมตร กล่าวว่า สำหรับปรากฎการณ์เอลนีโญนั้น เคยได้ยินมีการพูดถึงกันผ่านหูแต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร
แต่หากเกิดภาวะฝนแล้งหรือฝนตกหนักจนคนออกมาประกอบอาชีพทำงานหาเงินไม่ได้ ก็อาจจะไม่มีกำลังซื้อเพราะไม่มีเงิน โดยขณะนี้ถือว่าได้รับผลกระทบแล้ว จากฝนที่ทิ้งช่วงตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย.66 ที่ผ่านมา จนทำให้ฝนไม่ค่อยตกลงมา ทำให้คนไม่มีงานทำไม่มีเงินและไม่มีกำลังซื้อ ทำให้การบริโภคลดลง จากคนที่เคยซื้อเยอะก็ซื้อน้อยลง จาก 100 บาทก็เหลือเพียง 50 บาท โดยเฉพาะจากการที่เราขายอาหารนั้นจะเห็นได้ชัดจากที่ชาวบ้านเคยซื้อกินคนละ 1 ถุงกลายเป็นซื้อ 1 ถุงแต่นำไปแบ่งกันกิน 3 คน ซึ่งไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับปรากฎการณ์เอลนีโญหรือไม่ ที่ทำให้เกิดภาวะภัยแล้งจากฝนที่ทิ้งช่วง
เนื่องจากชาวบ้านแถวนี้มีอาชีพด้านเกษตรกรรม และรับจ้างทำงานในไร่ในสวน เพราะหากถ้าเกิดภาวะแล้งก็ทำงานไม่ได้ และไม่มีเงินจากฝนที่ไม่ตก จึงทำให้นับจากเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมานั้นขายของได้อย่างฝืดเคืองมาก โดยคนซื้อจะถามราคาก่อนอยู่เสมอ และจะเลือกสั่งอาหารรับประทานในราคาที่ถูกที่สุด ทั้งที่เมื่อก่อนหน้าคนซื้อไม่ได้เกี่ยงในเรื่องของราคามากนัก ทำให้ซื้อง่ายขายคล่อง แต่ตอนนี้ขายของยากมากทำให้ยอดขายลดลงกว่าครึ่งต่อครึ่งจากเดิม
ส่วนนักท่องเที่ยวยังพอมีเดินทางเข้ามาอยู่บ้าง แต่การจับจ่ายหรือซื้อกินลดลง โดยบางรายพาบุตรหลานเข้ามาท่องเที่ยวเพียงแค่เล่นน้ำ และถือของมากินกันเอง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแล้วเดินทางกลับไป หากเกิดภาวะภัยแล้งหนักจนถึงขั้นไม่มีน้ำปล่อยออกมาจากอ่างเก็บน้ำเลย ก็คงจะไม่มีคนมาท่องเที่ยว และหากชลประทานปล่อยน้ำออกจากประตูระบายลดลงหรือน้อยกว่านี้คนก็จะมาเที่ยวน้อยลงตามไปด้วย โดยสังเกตได้จากคนที่ขับรถเข้ามาแล้วเห็นในลำธารคลองสียัดมีน้ำน้อยลง ก็จะพากันขับรถวนกลับออกไป
จึงทำให้ยอดขายลดลงขายไม่ได้ เพราะเมื่อคนมาแล้วเห็นน้ำน้อยลงเล่นไม่ได้ ก็จะพากันกลับออกไป ไม่ลงมาซื้อกิน จึงทำให้เราคาดเดาอะไรไม่ได้ว่าคนจะมากหรือน้อย แต่การลงทุนนั้นต้องลงไปก่อนล่วงหน้าทุกวัน และหากลงของน้อยร้านจะดูโหรงเหรงไม่น่าซื้อ แต่หากลงมากไปก็ไม่คืนทุนง่าย คาดหวังอะไรไม่ได้เลย หากน้ำมีมากคนก็จะมาเล่นกันมาก เพราะคนที่มาที่นี่ล้วนต้องการมาเล่นน้ำกันทั้งนั้น น.ส.ณัฐฏาภรณ์ กล่าว
ขณะที่ น.ส.สุทธยา บุญหลา อายุ 40 ปี ชาว อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกัน แม่ค้าขายเมนูอาหารประเภทยำทุกชนิดตามสั่ง กล่าวว่า ปกติที่น้ำตกบ่อทรายแห่งนี้จะมีนักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ โดยจะมีคนมามากที่สุดในวันอาทิตย์ แต่ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีฝนตกลงมาน้อย เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แบบตกแล้วหยุดๆ ก่อนหายไปตามที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ว่าจะเกิดภาวะแล้งจากฝนทิ้งช่วง ซึ่งตนนั้นยังไม่รู้สึกวิตกกังวลอะไรมากนัก เพราะคิดว่าจะสามารถปรับเปลี่ยนอาชีพไปตามสถานการณ์ได้
เนื่องจากเคยปรับเปลี่ยนมาเป็นระยะอยู่แล้ว จากเดิมที่เคยขายของอยู่ภายในตลาดท่าตะเกียบ ยังได้ออกมาขายของยังที่น้ำตกแห่งนี้ เพราะที่นี่ขายของได้ดีกว่า เพราะคนมีความหลากหลายมากกว่า ที่จะเปลี่ยนหน้าเข้ามาหาซื้อกินได้ในทุกวัน ส่วนที่ตลาดแห่งเดิมนั้นมีเพียงลูกค้าเก่ารายเดิมๆ ที่ไม่ได้มาซื้อกินในทุกวัน ทำให้ยอดขายมีความแตกต่างกันมาก หากเรารู้จักปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แต่หากไม่มีน้ำถูกปล่อยออกมาจากเขื่อนเลยก็คงไม่มีคนเดินทางมาท่องเที่ยว และหากสถานการณ์กลับมาเหมือนเดิมเราก็จะกลับมาขายได้เหมือนเดิม น.ส.สุทธยา กล่าว
ส่วนด้าน น.ส.ดารณี เดชทศ อายุ 27 ปี ชาวบ้านท่าคาน ม.2 ต.ท่าตะเกียบ ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่เหนือเขื่อนของอ่างเก็บน้ำคลองสียัด กล่าวว่า ยังไม่รู้จักปรากฏการณ์เอลนีโญ แต่หากไม่มีน้ำตกไหลที่นี่ก็คิดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนอะไรมากนัก เนื่องจากตนเองมีบ้านพักอาศัยอยู่ที่ทางตอนบนของเขื่อน และทำการเกษตรไร่มันสำปะหลังอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ติดกันกับชายขอบของอ่างเก็บน้ำด้วย หากน้ำในเขื่อนไม่ขึ้นสูงก็จะไม่ท่วมไร่มันที่ปลูกไว้
ส่วนการเข้ามาขายส้มตำที่บริเวณน้ำตกบ่อทรายนี้ เป็นการเข้ามาขายเฉพาะในช่วงวันหยุดพิเศษหรือเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น จึงอาจทำให้รายได้เสริมหายไป ซึ่งไม่ใช่อาชีพหลักที่ใช้ในการหาเลี้ยงชีพจริงๆ หากน้ำในเขื่อนไม่ขึ้นสูงครอบอครัวก็ยังสามารถปลูกมันได้เป็นเวลายาวนานยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย ซึ่งถือว่าจะมีทั้งผลดีและผลเสียตามมาเพราะทำอาชีพหลายด้าน หากน้ำมาเร็วก็จะต้องขุดมันเร็วขึ้นทำให้ปริมาณผลผลิตได้น้อยลง แต่หากน้ำขึ้นช้าจะได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นจากเวลาในการปลูกที่ยาวนานขึ้น จึงเชื่อว่าจะสามารถปรับตัวได้หากเกิดปรากฏการณ์แล้งจากเอลนีโญขึ้น
สำหรับร้านส้มตำที่ขายอยู่นี้ ยังใช้วัตถุดิบจากภายในหมู่บ้านโดยที่ไม่ได้ใช้เงินลงทุนไปซื้ออะไรมามากนัก หากเกิดภาวะแล้งจัดจนไม่มีการปล่อยน้ำออกมาให้คนมาเที่ยว ก็จะไม่ได้รับความเสียหายอะไร โดยที่ครอบครัวทำการเกษตรทั้งปลูกมัน ปลูกยางพารา ปลูกผักขายในตลาดนัดและเลี้ยงสัตว์ วัตถุดิบจึงมีมากอยู่ในหมู่บ้าน การนำออกมาทำขายจึงเป็นการระบายในส่วนที่ผู้ค้าส่งไม่รับซื้อ เช่น ถั่วฝักยาวที่แก่จัดใกล้จะฝ่อแล้ว แต่ยังนำมาทำส้มตำขายในราคาถูกได้ น.ส.ดารณี กล่าว
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลชลประทานในพื้นที่ในวันนี้มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ภายในอ่างเก็บน้ำจำนวน 74.74 ล้าน ลบม. จากความจุสูงสุด 420 ล้าน ลบม. คิดเป็นร้อยละ 17.80 ของความจุ โดยมีปริมาณฝนเริ่มตกลงมาในพื้นที่เหนือสันเขื่อนจำนวน 36 มม. ทำให้มีน้ำไหลลงมาในอ่างฯ จำนวน 0.52 ล้าน ลบม. โดยมีการปล่อยระบายลงคลองสียัดจำนวน 1.63 ล้าน ลบม. และสูบเข้าสถานีประปา กปภ. 0.01 ล้าน ลบม. การระเหยรั่วซึม 0.08 ล้าน ลบม. ทำให้มีน้ำไหลออกจากอ่างฯ ทั้งสิ้น 1.72 ล้าน ลบม. ต่อวัน
โดยที่สภาพภายในอ่างเก็บน้ำนั้น มีโขดหินและผืนทรายโผล่ขึ้นมาให้เห็นเป็นจำนวนมาก สลับกับท้องทุ่งหญ้าที่งอกงามขึ้นมาหลังจากน้ำลดระดับลงจนเหลืออยู่ในระดับก้นอ่าง ทำให้เห็นเป็นภาพความสวยงามทางธรรมชาติไปตามฤดูกาลอีกรูปแบบหนึ่ง แต่เส้นทางเข้าสู่สันเขื่อนนั้นได้ถูกปิดล็อกเอาไว้ ไม่สามารถนำยานพาหนะขับเข้าไปเที่ยวชมได้ ส่วนบริเวณน้ำตกบ่อทรายที่เพิ่งมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมานั้น ยังคงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอย่างประปรายและหนาแน่นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
สนทะนาพร อินจันทร์/ฉะเชิงเทรา