In Global
'ออโตโมบิลี ปินินฟารินา'เตรียมเปิดตัว แบตติสตารุ่นใหม่ชูผลสำเร็จ'นิโน่ ฟารินา'
แคมเบียโน, อิตาลี และมิวนิก, 12 กรกฎาคม 2566-ออโตโมบิลี ปินินฟารินา (Automobili Pininfarina) ยกย่องความสำเร็จของตำนานนักแข่งฟอร์มูลาวันด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าไฮเปอร์จีทีรุ่นใหม่ แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา (Battista Edizione Nino Farina)
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา จะเปิดให้ยลโฉมครั้งแรกในงานกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด (Goodwood Festival of Speed) พร้อมร่วมทดสอบโดยนิค ไฮด์เฟลด์ (Nick Heidfeld) นักแข่งระดับตำนานและอดีตแชมป์แข่งรถทางลาดรายการกู๊ดวูด ทั้งนี้ นิค หรือที่รู้จักในฉายา 'ควิก นิค' (Quick Nick) มีบทบาทสำคัญในฐานะที่ปรึกษาของออโตโมบิลี ปินินฟารินา และเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของแบตติสตาจนถึงในปัจจุบัน
ภายหลังจากความสำเร็จของรถยนต์รุ่นลิมิเต็ดก่อนหน้าอย่างแบตติสตา แอนนิเวอซาริโอ (Battista Anniversario) โมเดลรุ่นล่าสุดอย่างแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ได้นำเสนอเรื่องราวอันน่าประทับใจของตำนานนักแข่งรถฟอร์มูลาวันอย่างนิโน่ ฟารินา (Nino Farina) แชมป์ฟอร์มูลาวันคนแรกโลก และหลานชายของสุดยอดนักออกแบบอย่างแบตติสตา 'ปินิน' ฟารินา (Battista 'Pinin' Farina) โดยจะเปิดตัวใกล้กับสนามแข่งก๊ดวูด เซอร์กิต (Goodwood Circuit) ซึ่งเป็นสนามแข่งที่นิโน่คว้าชัยชนะในปี 2494 ในรายการก๊ดวูด โทรฟี (Goodwood Trophy) (นอกเหนือจากรายการชิงแชมป์ฟอร์มูลาวัน)
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ผลิตเพียงจำนวน 5 คันทั่วโลก มาพร้อมการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่ยกย่องตำนานนักแข่งจากเมืองโตริโนอย่างนิโน่ ฟารินา โดยรถยนต์แต่ละคันจะเล่าถึงหนึ่งในห้าช่วงเวลาสำคัญของนิโน่ ทำให้มั่นใจได้ว่านักสะสมจะได้เป็นเจ้าของผลงานการออกแบบชิ้นเอกของอิตาลีที่ไม่ซ้ำใคร
คุณเปาโล เดลลาชา (Paolo Dellachà) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา คือตัวแทนแห่งวิสัยทัศน์ของทีมออกแบบที่มีความสามารถของเรา โดยเป็นการยกย่องตำนานและมรดกตกทอดที่ไม่มีใครเทียบได้ของตระกูลปินินฟารินา บอกเล่าเรื่องราวที่ยังไม่เคยมีผู้ใดรับรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณและความกล้าหาญของชายผู้เดินหน้าด้วยความหลงใหลในการแข่งรถที่ไม่เหมือนใคร"
"ลูกค้าของเราต้องการความหายาก ความพิเศษ คุณภาพและการออกแบบที่ไม่เหมือนใครของปินินฟารินาในอดีต แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา จึงผสมผสานองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้เข้ากับประสิทธิภาพที่น่าอัศจรรย์ของรถยนต์ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีการผลิตในอิตาลีอย่างแบตติสตา เราเชื่อว่านิโน่คงมีความฝันที่จะได้ลองขับรถด้วยกันกับคุณลุงแบตติสตา เพื่อทดสอบขีดจำกัดของรถยนต์เหมือนทุกครั้งที่เขาทำตอนลงแข่ง"
"การขับรถคันนี้ไม่ต่างจากการได้สวมชุดซูเปอร์ฮีโร่ รับประกันถึงประสบการณ์และความรู้สึกสุดพิเศษ ผมตั้งตารอที่จะได้เปิดตัว แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา เป็นการส่วนตัวที่งานกู๊ดวูด เฟสติวัล ออฟ สปีด ในปีนี้"
ยกย่องตำนานวงการฟอร์มูลาวัน
แบตติสตา 'ปินิน' ฟารินา เป็นผู้ก่อตั้งคาร์รอซเซอเรีย ปินินฟารินา (Carrozzeria Pininfarina) ที่โด่งดัง ชื่อของเขาถูกนำมาใช้เป็นชื่อของรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตโดยออโตโมบิลี ปินินฟารินา อย่างแบตติสตา เพื่อเป็นการยกย่องความฝันของเขาในการสร้างรถแบรนด์ปินินฟารินา
ในฐานะลุงของนิโน ฟารินา เขาเป็นผู้จุดประกายความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ตของหลานชายผู้กลายเป็นแชมป์โลกในอีกไม่กี่ปีให้หลัง แบตติสตาเคยพาหลานชายวัย 16 ปีเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกในฐานะผู้โดยสาร สิ่งนี้สร้างความกระหายในการแข่งขันให้กับนิโน่ ส่งผลให้นิโน่ได้เข้าร่วมการแข่งขันและชิงแชมป์รายการต่าง ๆ มากมายทั่วอิตาลีในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930
ในปี 2493 นิโน่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ครั้งแรกที่จัดอย่างเป็นทางการโดย FIA (การแข่งขันฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลกในปัจจุบัน) โดยเป็นผู้นำทีมแข่งรถจำนวนสามคัน ในปีแรกของการแข่งชิงแชมป์โลก นิโน่ ฟารินา สามารถเอาชนะการแข่งขันในอังกฤษ (ครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ซิลเวอร์สโตน) สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ทำให้คว้าตำแหน่งแชมป์โลกไว้ได้
นิโน่ ฟารินา เป็นนักแข่งฟอร์มูลาวันที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในหมู่เพื่อน ๆ ของเขา เขาขึ้นชื่อเรื่องการขับขี่ที่ไร้ซึ่งความกลัว และความหลงใหลในกีฬาซึ่งมีส่วนทำให้เขาชนะการแข่งในปีเดียวกันกับที่เขาเริ่มลงแข่ง เขาสามารถพาเพื่อนร่วมทีมเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1-2-3 ในการแข่งขันครั้งแรกในปี 2493 ที่สนามซิลเวอร์สโตน และจบฤดูกาลด้วยการคว้าแชมป์รายการอิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ในเดือนกันยายน
รายละเอียดที่ประณีตทำให้แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา แต่ละคันแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ แผ่นประตูผู้โดยสารอะลูมิเนียมเคลือบสีดำแบบสั่งทำพิเศษในรถยนต์แต่ละคันจะเล่าถึงหนึ่งในห้าช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของนิโน่ในแบบที่ไม่ซ้ำกัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้เป็นเจ้าของผลงานการออกแบบที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น โดยเรื่องราวทั้ง 5 นี้ประกอบด้วย
- วันที่และสถานที่เกิดของนิโน่ (ปี 2449 ในเมืองทูริน)
- ตำแหน่งโพลฟอร์มูลาวันครั้งแรก และชัยชนะในการแข่งขันบริติชกรังด์ปรีซ์ปี 2493
- ชัยชนะครั้งที่สองของนิโน่ในปี 2493 ในการแข่งขันสวิสกรังด์ปรีซ์
- ชัยชนะครั้งที่สามและครั้งสุดท้ายในปี 2493 ในการแข่งขันอิตาเลียนกรังด์ปรีซ์
- การคว้าแชมป์โลกฟอร์มูลาวันในปี 2493
การออกแบบภายนอกสุดพิเศษโดยออโตโมบิลี ปินินฟารินา
การออกแบบที่ไม่ซ้ำใครของแบตติสตาผสานรวมความสมดุลเข้ากับนวัตกรรมเทคโนโลยีอย่างสมบูรณ์แบบ รายละเอียดสุดประณีตของปินินฟารินาในอดีต และการตกแต่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกแห่งตระกูล ทั้งหมดนี้ถูกยกระดับอีกครั้งสำหรับโมเดลรุ่นแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา
เดฟ อมันที (Dave Amantea) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการออกแบบของออโตโมบิลี ปินินฟารินา กล่าวว่า "รถรุ่นพิเศษนี้แสดงถึงความเคารพต่อบุคลิกที่กล้าหาญและไม่เกรงกลัวของนิโน่ ฟารินา และความสำเร็จอันน่าทึ่งของเขาในวงการมอเตอร์สปอร์ต นี่คือการยกย่องตระกูลในตำนาน แด่ชายผู้ซึ่งจะถูกกล่าวขานตลอดไปในฐานะนักแข่งคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกฟอร์มูลาวัน และผู้ก่อตั้งของเรา ชายผู้จุดประกายความหลงใหลในการแข่งรถของเขา"
"รถแต่ละคันเป็นเครื่องบรรณาการให้กับเรื่องราวที่ไม่มีใครเทียบได้และช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของนิโน่ เรานำแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาเหล่านี้มาสร้างรถที่จะเป็นส่วนสำคัญของคอลเลกชันใด ๆ ก็ตาม ตัวถังของรถที่มาในสีรอซโซ่ นิโน่ ( Rosso Nino) เป็นตัวแทนแห่งความทรงจำเกี่ยวกับสีแดงของรถแข่งในอิตาลีที่ทำให้เขาได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่การตกแต่งและการออกแบบหลักยังผสานเข้ากับดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใครของแบตติสตาได้อย่างลงตัว"
การออกแบบตัวถังภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ในสีรอซโซ่ นิโน่ ซึ่งเป็นสีแดงเข้มเดียวกันกับสีของรถที่นิโน่ใช้คว้าแชมป์ตลอดอาชีพการแข่งรถของเขา ยังเข้ากันได้อย่างไร้ที่ติกับตัวถังด้านล่างที่มาในสีเบียงโก เซสตริเอเร (Bianco Sestriere) และสีไอโกนิกา บลู (Iconica Blu)
ความประณีตของสีเบียงโก เซสตริเอเร และสีไอโกนิกา บลู ยังครอบคลุมแถบหมุดสั่งทำพิเศษบนกระจกมองข้างและด้านล่างของปีกหลัง มาพร้อมกราฟิกพิเศษรูปพวงมาลัยสวมศีรษะและหมายเลข '01' ในสีเบียงโก เซสตริเอเร ที่โดดบริเวณแผงด้านของหลังประตู
ตัวโครงภายนอกยังประกอบด้วยฟูริโอซา แพ็ก (Furiosa Pack) ครอบคลุมตัวสปลิตเตอร์หน้าคาร์บอนไฟเบอร์โฉมใหม่ กาบข้าง และดิฟฟิวเซอร์หลัง ตกแต่งด้วยแถบหมุดสีเบียงโก เซสตริเอเร ขณะที่คาร์บอน แอ็กเซ็นท์ แพ็ก (Carbon Accent Pack) ตกแต่งด้วยสีดำคาร์บอนอันเป็นเอกลักษณ์
ตัวหลังคาก็อกเชีย (Goccia) สีเข้มมาพร้อมจิวรีแพ็ก (Jewelly Pack) เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ควบคู่กับคาลิปเปอร์เบรกสีดำและวงแหวนล็อคตรงกลางที่เคลือบด้วยอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ และตัวล้ออัลลอยกลอริโอโซ (Glorioso) อะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปแบบ 10 ก้านผิวเคลือบสีซาตินโกลด์ (Satin Gold) สะดุดตา
รายละเอียดภายนอกเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นนิโน่ ฟารินา ทั่วทั้งตัวรถ นอกจากนี้ยังมีรอยสลักชื่อนิโน่ ฟารินา บนชุดไฟหน้าที่เคลือบอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำ ขณะที่ปีกข้างคาร์บอนด้านคนขับได้รับการเสริมด้วยลายเซ็นกราฟิกของนิโน่ ฟาริน่า เช่นกัน
การตกแต่งภายในสุดพิเศษเพื่อประสบการณ์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่เหนือจินตนาการ
การตกแต่งภายในของแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา มาในธีมทูโทนแบบพิเศษ โดยเบาะนั่งคนขับนั้นบุด้วยหนังสีดำเพื่มความหรูหรา ขณะที่เบาะนั่งผู้โดยบุด้วยหนังสีเบจและสีดำอัลคันทาราที่ตัดกันอย่างลงตัว
ตัวเบาะนั่งไพโลตา (Pilota) ดีไซน์ไม่ซ้ำใครระหว่างคนขับและผู้โดยสารมีการปักชื่อของนิโน่ ฟาริโน บริเวณพนักพิงหลัง ที่นั่งคนขับสีดำมีปักรูปพวงมาลัยสวมศีรษะและตัวเลขกราฟิก '01' สีทอง ในขณะที่โลโก้ปินินฟารินาถูกตกแต่งด้วยสีแดงบนเบาะผู้โดยสารสีเบจ ด้านหลังของเบาะนั่งทั้ง 2 ข้างทาสีรอซโซ่ นิโน่ ที่เข้ากันกับตัวรถภายนอก
เช่นเดียวกับส่วนนอกของรถ ตัวเบาะที่นั่งมาพร้อมเข็มขัดนิรภัยสีไอโกนิกา บลู พร้อมตะเข็บดูโอโทนสีเบจสลับแดงบริเวณหน้าปัดและที่นั่ง ส่วนพวงมาลัยหุ้มด้วยวัสดุสีดำอัลคันทาราแบบคาร์บอน พร้อมวงแหวน 12 นาฬิกาอะลูมิเนียมขัดเงาชุบสีแดงที่ตัดกันอย่างลงตัว ความใส่ใจในรายละเอียดนี้ยังครอบคลุมแผ่นพวงมาลัย ทำจากอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำพร้อมลายเซ็นนิโน่ ฟารินา นอกจากนี้ยังมีจิวรีแพ็กอะลูมิเนียมขัดเงาชุบผิวสีดำอีกด้วย
ห้องโดยสารที่สวยงามของแบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ยังประกอบด้วยโครงสีดำที่สื่อถึงความเป็นนิโน่ ฟารินา ขณะที่แผ่นประตูผู้โดยสารในแต่ละคันนั้นจะแตกต่างกันออกไป
สมรรถนะของแบตติสตา
แบตติสตา เอดิซิโอเน นิโน่ ฟารินา ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังล้ำสมัยเช่นเดียวกับแบตติสตาและแบตติสตา แอนนิเวอซาริโอ โดยมอบสมรรถนะสูงสุด รถไฮเปอร์จีทีไฟฟ้าล้วนรุ่นแรกของโลกนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนความจุสูง 120 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่บรรจุอยู่ภายในกล่องคาร์บอนไฟเบอร์ที่แข็งแรงน้ำหนักเบา
มอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่ทำงานแยกกันสี่ตัวสำหรับแต่ละล้อ ผสานกับเทคโนโลยีควบคุมแรงบิด (Full Torque Vectoring) ระบบควบคุมการทรงตัวแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Stability Control) และระบบซอฟต์แวร์ชุดเฟืองท้าย ช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งการส่งกำลังและควบคุมการตอบสนองได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ในขณะที่ชุดแบตเตอรี่รูปตัว T แบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ก็ติดตั้งอยู่หลังเบาะเพื่อให้แน่ใจว่าตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
เทคโนโลยีการควบคุมการออกตัวที่ไม่เหมือนใครของแบตติสตา ช่วยให้รถฟอร์มูลาวันมีอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 1.79 วินาที, 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 1.86 วินาที, 0-120 ไมล์ต่อชั่วโมงใน 4.49 วินาที และ 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.75 วินาที นอกจากนี้ การทดสอบอย่างเป็นทางการยังพิสูจน์แล้วว่า แบตติสตาเป็นรถพลังงานไฟฟ้าที่เบรกได้เร็วที่สุดในโลก โดยสามารถลดความเร็วจาก 100-0 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได่ในระยะทางเพียง 31 ม.
สมรรถนะเด่นของแบตติสตา
- 1,900 แรงม้า (1,400 กิโลวัตต์)
- แรงบิด 2,340 Nm
- 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (0-62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 1.86 วินาที และความเร็วสูงสุด 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (217 ไมล์ต่อชั่วโมง)
- ระยะการขับขี่สูงสุด 476 กม. (296 ไมล์ ตามมาตรฐาน WLTP) และ 300 ไมล์ ตามเกณฑ์ US EPA
แบตติสตาผสานสมรรถนะของไฮเปอร์คาร์เข้ากับระยะการแล่นและห้องโดยสารที่หรูหราของรถจีทีแบบดั้งเดิม มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบออลวีล และโหมดการขับขี่ 5 โหมดพร้อมรองรับทุกการขับขี่ ได้แก่ คาลมา (Calma), พูรา (Pura), เอเนอร์จิกา (Energica), ฟูริโอซา (Furiosa) และคารัตเตเร (Carattere)