Think In Truth
โหวตนายกฯไทยรอบแรกสว.งดออกเสียง 'พิธา'ตกเก้าอี้/ยืนยัน‘ยอมรับ ไม่ยอมแพ้’
กรุงเทพฯ-การโหวต "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกฯ ครั้งแรก ปรากฎว่า พิธา ได้รับการโหวตเห็นชอบ 324 คน ไม่เห็นชอบ 182 คน งดออกเสียง 199 คน ร่วมแล้วไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสมาชิกในรัฐสภา จึงเป็นอันว่าไม่ประสบผลสำเร็จได้กำหนดโหวตใหม่ครั้งที่2 ในวันที่ 19 กรกฏาคมนี้ ขณะที่ พิธา ประกาศ ยอมรับแต่ไม่ยอมแพ้ และกล่าวขอบคุณสว. 13 เสียงที่โหวตให้ พร้อมเผยรายชื่อสว. 13 เสียง
วันนี้(13ก.ค.2566)ได้มีการประชุมร่วมของรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยการประชุมเป็นไปโดยราบรื่นและรวดเร็ว โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล การโหวตวันนี้ ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยสมาชิกรัฐสภา ที่ประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 500 คน และ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 249 คน
ความล้มเหลวครั้งแรก มาจาก ส.ว. ส่วนใหญ่ใช้วิธีการงดออกเสียงและไม่เห็นชอบ ในขณะที่ ส.ส. อีกฟากโหวตไม่เห็นชอบ ทำให้ผลการโหวต อยู่ที่ เห็นชอบ 324 คน ไม่เห็นชอบ 182 คน งดออกเสียง 199 คน ในขณะที่มีสมาชิกรัฐสภาขาดประชุมและไม่ได้ออกเสียงอีก44คน แต่ประธานรัฐสภาได้กำหนดให้โหวตใหม่ใน วันที่ 19 ก.ค. นี้
ส.ว. 13 เสียงหนุน - 1 เสียงยอมปิดสวิตท์ด้วยการลาออก
แม้ว่าในการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนโดย ส.ส. จากพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมเลยและเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ว. แต่พบว่า มี ส.ว. 13 เสียงที่โหวตหนุนนายพิธาเป็นนายกฯ
ประกอบด้วย บุคคลที่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะว่าจะลงมติเห็นชอบ เช่น นายมณเฑียร บุญตัน, นายวันชัย สอนศิริ, นพ.อำพล จินดาวัฒนะ และนางประภาศรี สุฉันทบุตร
นอกจากนี้ยังมี ศ.เกียรติคุณ ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์, นายซากีย์ พิทักษ์คุมพล, นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์, พล.ต.ท.ณัฏฐวัฒก์ รอดบางยาง, นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ, นายพิศาล มาณวัฒน์, นายเฉลา พวงมาลัย, นายพีระศักดิ์ พอจิต, และ พล.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา
ส่วนอีกคนที่ถือว่าเป็นการปิดสวิตท์ตัวเองด้วยการลาออกจากการเป็น ส.ว. คือ น.ส.เรณู ตังคจิวางกูร ที่ยื่นใบลาออกจากการเป็น ส.ว. เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ทำให้ไม่สามารถเลื่อนผู้มีรายชื่อในบัญชีสำรองมาเป็น ส.ว. ได้ทัน เส้นทางจากสภาสู่ทำเนียบของนายพิธาจะเป็นอย่างไร วันที่ 19 ก.ค. คงทราบผลกัน
‘พิธา’ ขอบคุณ 13 ส.ว. กล้าหาญ โหวตนายกฯ ตามฉันทามติประชาชน ประกาศ ‘ยอมรับ ไม่ยอมแพ้’ เตรียมวางยุทธศาสตร์เลือกนายกฯ รอบ 2
ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับการเสนอชื่อเพียงผู้เดียว ผลการลงมติปรากฏว่า สมาชิกรัฐสภาเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ทำให้พิธาไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นนายกฯ เนื่องจากมาตรา 272 ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่าบุคคลที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา
พิธา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการลงมติว่า ยอมรับผลการลงมติที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่ามีการกดดัน ส.ว. และมี ส.ว. ไม่มาประชุมราว 40 คน ทำให้การลงคะแนนไม่ตรงตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญและลงมติตามที่เคยสัญญากับประชาชน
พิธายืนยันว่ายังไม่ยอมแพ้ จะใช้เวลาหลังจากนี้หายุทธศาสตร์เพื่อรวบรวมเสียง มุ่งหน้าสู่การลงมติครั้งที่ 2 ซึ่งขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาว่าจะกำหนดเป็นวันใด
เมื่อถูกถามว่า ยังมีความมั่นใจในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ พิธากล่าวว่า “ผลโหวตบอกอย่างนั้น เรายังทำงานด้วยความเชื่อใจซึ่งกันและกันกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล”
เมื่อถูกถามว่า ในรอบหน้าพรรคก้าวไกลต้องยอมถอยนโยบายแก้ไข ม.112 หรือไม่ หรือจะปรับอย่างไรเพื่อหารือกับ ส.ว. พิธายืนยันว่ายังเหมือนเดิม เราได้สัญญากับประชาชนไว้อย่างไร เราก็ทำอย่างนั้น
วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ได้มีโอกาสอธิบายชี้แจงเรื่องนี้ในสภาฯ ว่าสิ่งที่เราพยายามนำเสนอนั้น มีเป้าหมายเดียวกันกับวุฒิสภาหรือ ส.ส. หลายคน เพียงแต่อาจประเมินต่างกัน หรือเข้าใจคลาดเคลื่อน ถ้ามีเวลาจะทำความเข้าใจเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณ ส.ว. ทั้ง 13 คนที่กล้าหาญและลงมติตามที่เคยสัญญากับประชาชน