Think In Truth
ดีลลับ!ดีลเลิฟ'เพื่อไทย'จะไม่รอด/กินรวบ โดย : โดยหมาเห่าการเมือง
การออกมาแถลงถึงมติผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องร้องเรียน กระณีที่สภาผู้แทนราษฎรใช้ระเบียบข้อบังคับในการบังคับใช้ไม่ให้สภาเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่สอง นั่น ถือเป็นการผิดกฏหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องนี้นั้น ทำให้การประชุมแปดพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลล่มไป พร้อมทั้งนายวันนอร์ มูฮัมหมัด นอร์มะทา ได้ออกคำสั่งเลื่อนการประชุมสภาเพื่อเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีในวันที่ 27 กรกฎาคม ออกไปจนกว่าจะมีมติของศาลรัฐธรรมนูญต่อประเด็นนี้ออกมา
ในช่วงเวลารอการประชุมรัฐสภา เพื่อรับรองนายกรัฐมนตรีที่ถูกเสนอชื่อในสภาผู้แทนราษฎร ก็มีประเด็นที่ฮือฮาในวงการเมืองเกิดขึ้น คือ มีสมาชิกสภาผู้แทนหลายคน หลายพรรค เดินทางไปพบคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง รวมทั้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตัวแทนกลุ่มก้าวหน้าเดินทางไปพบด้วย หลังจากนั้นก็มีการโพสต์ในเพจบุ๊คส่วนตัวของพานทองทา ชินวัตร ว่า คุณทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางกลับประเทศไทย ในวันที่ 10 สิงหาคม ที่จะถึงนี้
และการเดินทางไปพบคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงของนักการเมือง ทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิม และนายธนาธร เขาไปตกลงอะไรกัน ประเด็นที่หลุดออกมาแน่ๆ จากเฟชบุ็ค คือ นายทักษิณ ชินวัตร จะกลับไทยในวันที่ 10 สิงหาคม ซึ่งสอดคล้องกับข้อสงสัยของกลุ่มผู้สื่อข่าวที่พยายามสืบหาข้อมูล ทั้งทางกรมราชฑัณเองก็ได้เตรียมห้องสำรองในการกักขังตัวนายทักษิณ สิ่งที่เป็นข้อสงสัยต่อสาธารณะชนก็เกิดขึ้นมาว่า นายทักษิณ ชินวัตร กลับมาเมืองไทยทำไม อยู่ดูไบก็มีความสุข สบายมากอยูแล้ว นี่คือสิ่งที่สังคมครางแครงใจไม่น้อย
หากจะเรียงลำดับเหตุการณ์ทางการเมือง หลังเลือกตั้งก็จะพบว่า หลังเลือกตั้ง พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ก็เกิดอยากไปดูการแข่งม้าที่ประเทศอังกฤษขึ้นมา ส่วนนายอนุทิน ชาญวีระกุล และนายเศรษฐา ทวีสิน ก็เกิดอยากไปดูบอลอังกฤษในแมซเดียวกันซะอย่างงั้น การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลของแปดพรรค ถึงแม้นจะมี MOU แต่พรรคเพื่อไทยก็พยายามทำอะไรแปลกๆ ให้สังคมเห็นอยู่เรื่อยๆ ลุงป้อมจากที่ดูทำท่าจะไม่เอาแล้ว ก็เกิดกระปี้ประเป่า ขึ้นมาจะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ส่วนลุงตู่ก็คงจะรู้ตัวเองแล้วว่า 9 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง สิ่งที่สัญญาอะไรไว้กับประชาชน นั้นไม่เกิดเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกจากกดหัวประชาชนให้อยู่ในความสงบ ที่ถูกใจแม่ยกสายสลิ่มเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเปรียเทียบกับสิ่งที่หายไป ไม่ว่าจะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ค่าไฟฟ้าพุ่งสูงแบบชาวบ้านเดือดร้อน ผลผลิตภายในประเทศไม่มีตลาด ราคาก็ตกต่ำ แต่สินค้าที่ต้องกินต้องใช้ที่ผลิตในประเทศได้ พอคนจีนนิยม ก็ผลักให้ล้งจีนมาเหมาสวนในราคาที่แสนต่ำ แต่สินค้าไม่พอกับการบริโภคในประเทศ ต้องนำเข้าจากมาเลเซีย ที่แพงเท่ากับของไทย แต่ไม่อร่อย สรุปว่ารัฐบาลลุงปล่อยให้ประชาชนเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง หลังจากที่ลุงลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ลุงเองก็มีสีหน้ามีความสุข เป็นนายกรักษาการ ก็ไม่ต้องอะไรมาก อยู่รอนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถ้ายังไม่ได้นายกฯ คนใหม่ ก็รักษาการไปเรื่อยๆ ดูสบาย ๆ ไม่เครียดอะไร
แล้วไอ้ดีลลับ ดีลเลิฟ ที่ว่ามันเป็นยังไงหละ ก็ขอสรุปจากการเก็บข้อมูลทั้งเชิงลับ เชิงล้วง มากขยายให้ทราบ ว่า สรุปแล้ว เป็นการต่อรองทางการเมือง เพื่อหาทางออกที่ยังคงหาทางลงในความขัดแย้งของประชาชนที่หนุนหลังการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม(Conservative) และฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย(Democracy) ที่มีฝ่ายราชาธิปไตย(Monarchy)(กลุ่มบุคคลที่อวดตนว่าจงรักภักดีมากกว่าคนอื่น) เข้ามาเกี่ยวข้องเนื่องจากประเด็นทางการเมืองที่กระทบต่อสถานะของสถาบัน โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการสายกองทัพ
ยุทธการการเมืองไทย จึงเป็นเสมือนสามก๊ก ขอสมมุติแต่ละกลุ่มเพื่อให้ง่ายต่อการสร้างตัวแปรในสมการทางความคิด ดังนี้คือ กลุ่มฝ่ายซ้าย ซึ่งประกอบไปด้วยฝ่ายอนุรักษ์นิยมรวมกับกลุ่มราชาธิปไตย กลุ่มฝ่ายขวา ประกอบด้วยฝ่ายประชาธิปไตย และกลุ่มที่เกิดขึ้นใหม่เดิมเป็นฝ่ายเสรีประชาธิปไตยแต่เมื่อมีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างพรรคก้าวไกล เลยแสดงพฤติกรรมทางการเมืองออกมาลักษณะอยู่ตรงกลาง ที่แตกต่างจากพรรคก้าวไกล คือ พยายามจะเอาทุกฝ่าย เน้นรักษาพระราชอำนาจ(ไม่คิดเพิ่มพระราชอำนาจเหมือนฝ่ายอนุรักษ์นิยม) กลุ่มนี้ขออนุญาติเรียกเป็นฝ่ายอนุรักษ์ใหม่(Neoconservative)
ฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้อำนาจการปกครองมายาวนาน แม้แต่ในช่วงการปกครองของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็กินเวลาต่อเนื่อง ถึง 9 ปี ด้วยความอ่อนด้อยทางการเมืองและการบริหารกิจการบ้านเมืองของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเองก็หาตัวแทนที่ดูดี มีความสามารถ ไม่ได้ ขาดซึ่งเป็นบุคคลที่จะหวังพึ่งได้ แนวคดของฝ่ายอนุรักษ์นิยม จึงหันไปพึ่งฝ่ายอนุรักษ์ใหม่ แต่พรรคการเมืองในฝ่ายอนุรักษ์ใหม่ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ทั้งที่นักการเมืองในฝ่ายนี้ มีความเจนจัดในการเมืองสูงมาก ด้วยกลุ่มนัดการเมืองในกลุ่มนี้ ต้องพึ่งการกำกับและการตัดสินใจจากต่างประเทศ จึงเกิดดีลการกลับบ้านของทักษิณเกิดขึ้น กับการแลกเปลี่ยนในการพลิกขั้นทางการเมือง เพื่อผลักให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยไปเป็นฝ่ายค้าน ทั้งที่พรรคฝ่ายประชาธิปไตยมีเสียงในสภามากที่สุด ดีลลับ ดีลเลิฟ จึงเกิดขึ้นที่ฮ่องกง และจะเป็นไทม์ไลนืทางการเมืองในอนาคตการเมืองไทยในเวลาอันใกล้ที่จะมาถึงนี้
แต่ด้วยเงื่อนไข และปัจจัยทางการต่อรอง ก็ต้องสมประโยชน์ในทุกข้อเสนอ เมื่ออยากผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน รัฐบาลก็ต้องไม่มีลุง เป็นไงหละ ดังนั้นการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง จะออกมาเป็นอนุทิน ชาญวีระกุล แต่ก็นั่นแหละ ด้วยเสียงการจับขั้วใหม่ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม รวมกับฝ่าย อนุรักษ์ใหม่ มีเพียง 279 เสียง การโหวตครั้งที่สอง นายอนุทิน ก็จะไม่ผ่านการรับรองเป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นที่แน่นอนว่า การเสนอรายชื่อครั้งที่สาม จะเป็นชื่อพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ซึ่งการโหวตครั้งนี้เป็นการโหวตครั้งสำคัญ เพราะพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ มี สว. ในสายของตนเองหลายคน โอกาสที่พรรคอนุรักษ์ใหม่จะถูกหลอก สูง ถ้าพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ หักลำ แอบเอา สว. ในคาถา ซุกไว้ในกระเป๋า ไว้รอแสดงตนเมื่อถึงเวลาโหวต ผลก็จะออกมา พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ก็ได้เป็นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ดูไปดูมา เหมือนเด็กเล่นขายของไหมครับ
แต่ถ้าดีลนี้มีความจริงใจ นายทักษิณ ชินวัตร คงไม่กลับไทย มันจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่นายทักษิณ ชินวัตร ต้องกลับไทย เพราะต้องกลับมากำกับให้ตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี จากการโหวตครั้งที่ 4
เพราะในการโหวตครั้งที่ 2 นั้นปัญหาใหญ่ของพรรคภูมิใจไทยที่เป็นวิบากกรรมสำคัญ คือ การถูกยุบพรรค เนื่อจากกระทำผิดรัฐธรรมนูญที่รับเงินผิดกฏหมายจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่มีเจ้าของเป็นรัฐมนตรี ผลในทางกฏหมายส่งผลให้พรรคภูมิใจไทยอยากที่จะดิ้นหลุด โอกาสที่พรรคภูมิใจไทยจะได้แรงสนับสนุนจาก สว. ไม่มีเลย เพราะจะถูกอภิปรายแฉจากพรรคก้าวไกลอย่างหนัก เว้นแต่ การเสนอชื่อพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ จะถูกพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณหักหลัง แต่ถึงพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณจะหักหลัง แต่ก็เชื่อว่า เพื่อไทยจะร่วมกับก้าวไกล เพื่อจัดการกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย จนต้องยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ โดยที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งยิ้มรักษาการต่อไปอีกระยะหนึ่ง
ดังนั้นการกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร จึงมีเหตุผลส่วนหนึ่งเพื่อกำกับการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลนั่นเอง หลังจากกำกับในการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว นายทักษิณ ชินวัตร ก็จะอยู่เบื้องหลังในการบริหารกลยุทธ์ทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพื่อปูทางให้บุตรสาว พินทองทา ชินวัตร ให้ก้าวสู่การเป็นผู้บริหารประเทศในกาลต่อไปนั่นเอง
บางครั้งนายทักษิณ ชินวัตรก็มักจะตัดสินใจแบบง่ายๆ จนแทบจะไม่วางมาตรปิดช่องโหว่ที่จะเป็นโอกาสผิดพลาด โดยเฉพาะกับอำนาจของรัฐพันธุ์ลึก งานนี้คอยดูว่า เพื่อไทยจะรอดจากการหักหลังของชายผู้ที่เคยเกาะโต๊ะทำงานขอตำแหน่ง แล้วทรยศที่ร่วมกับคณะรัฐประหารยึดอำนาจตนและน้องสาว จนอยู่ในประเทศบ้านเกิดได้ไหม หรือจะมีดีลที่ลึกและลับกว่า ที่จะกินรวบทั้งกระดาน ก็คอยติดตามนะครับ