In Thailand

'หลวงพี่น้ำฝน'ทัวร์ลงหนักเหตุเพระปาก ย้ำให้ความเห็นตามหลักการ'ไม่มีอะไรจะพูด'



นครปฐม-หลวงพี่น้ำฝน เผยกรณีกระแสถูกแพรรี่ จาตุรงค์ ออกมาโต้แทนพระพยอม บอกไม่ได้สนใจเพราะพูดตามหลักการและวิธีการหากถูกร้องเรียนที่ตัวเองเคยมีประสบการณ์ถึงความเหมาะสมเท่านั้น ส่วนกรณีมีกระแสตำหนิหนักในโลกโซเชียลบอกหากผิดคงต้องหนีไปแล้ว และทุกวันนี้ก็ปฏิบัติตามการปกครอง ซึ่งหากพูดออกไปเจ้าตัวเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดก็ไม่มีอะไรจะพูด ยกแนวทางตัวเองใช้หลักรับฟังพระผู้ใหญ่ ผู้ปกครองที่ท้วงติงไม่ขอให้แง่คิดใคร 

วันนี้ 30 กรกฎาคม 66 จากกรณีที่สังคมได้จับจ้องหลังจาก นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือ แพรรี่ อดีตพระมหาไพรวัลย์ และนายจาตุรงค์ จงษ์อาสา นักวิชาการทางด้านพระพุทธศาสนา ที่ได้ออกมาแสดงคิดเห็นถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีความเห็นกรณีพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ที่ได้มีการทำคลิบข้อมูลออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองซึ่งมีการพาดพิงไปถึงการแก้ไขมาตรา 112 เป็นการขัดคำสั่งของมหาเถรสมาคม โดยยังเป็นประเด้นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ออกมาให้ความเห็นหลังจากมีกระแสร้อนแรงในสัปดาห์นี้ว่า ช่วงนี้มีการสอบถามถึงประเด็นนี้เข้ามามาก ซึ่งส่วนตัวอาตมาก็ยังมองว่าประเทศของเรายังมี ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นแกนหลัก ซึ่งมองความเห็นถึงความขัดแย้งในเรื่องนี้คือต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ในการคิดก่อนที่จะมีการใช้อารมเข้ามาตัดสิน และลูกศิษย์ก็มีการแสดงความเป็นห่วงเรื่องมีคนตำหนิอาตมาเข้ามาเยอะ ตรงนี้บอกได้เลยว่าไม่ได้สนใจเพราะสิ่งที่ได้แสดงความคิดเห็นออกไปคือให้ความเห็นไปตามหลักการที่มีคนไปร้องเรียน ที่สำนักงานพระพุทธศาสนา และในฐานะที่อาตมาเคยโดนร้องเรียนมาก่อนว่าจะมีขั้นตอนอย่างไร โดยมีคำสั่งของมหาเถรสมาคมกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ได้มีประเด็นอื่นที่จะไปเอาอารมความเห็นส่วนตัวเข้าไปร่วมด้วย 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า วันนี้อาตมาไม่มีความเห็นที่จะไปตอบโต้อะไรกับใครเพราะสิ่งที่ออกมาแสดงความเห็นก็กลัวว่าปัญหาที่ไม่เหมาะไม่ควรจะเลยเถิดไปกันใหญ่ ซึ่งคนที่ด่าก็ไม่ได้สนใจ ซึ่งก็ได้ให้มองย้อนกลับมาว่าที่เขาตำหนิมามันจริงหรือไม่ ซึ่งเราต้องมีศีล สมาธิ และปัญญาในการคิดตรึกตรอง ส่วนการที่อาตมาได้พูดไปแล้วด้วยหลักการหากเขาคิดว่าเขาถูกอาตมาก็ทำอะไรไม่ได้ คือถ้าเราไม่ฟังใครแล้วใครจะสามารถมาท้วงติงเราได้ ซึ่งอาตมาก็กลับมาให้คิดถึงหลัก ค ว ย ห คือ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างมีเหตุผล 

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า ส่วนที่ทั้ง 2 คนมีการออกมาวิจารณ์อย่างหนัก บอกก่อนว่าเขาไม่ใช่คูกรณีอาตมาและที่เขาพูดมาหากเราเป็นคนไม่ดีและโกหกหลอกลวงชาวบ้าน ถ้าเป็นเรื่องไม่ดีเราก็อยู่ไม่ได้เพราะอาตมาก็อยุ่ในระบบที่มีคณะสงฆ์ปกครองภายใต้กฎของมหาเถรสมาคม ซึ่งเราต้องรู้ตัวเองว่าทำอะไรอยู่ซึ่งหากเป็นไปตามที่เขาว่าก็ต้องหลบไปหาที่ซ่อนตัวจากสังคมไปแล้ว และคนเราต้องดูว่าเราอยู่เหนือหรือภายใต้เหตุผล 

"อาตมาบวชอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ ก็มีพระผู้ใหญ่คอยตักเตือน เราเป็นพระผู้น้อยก็คอยรับฟังคำชี้แนะไปตามลำดับ ซึ่งมีเจ้าคณะจังหวัดดูแลเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะอำเภอก็ดูแลเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะตำบลก็มาปกครองดูแลเจ้าอาวาส ซึ่งก็อยู่ตามรูปแบบการปกครองของคณะสงฆ์ และที่พูดก็ไม่ได้ไปเปรียบกับใครและไม่อยากให้แง่คิดกับใครแต่ขอพูดแนวทางนี้จากตัวเอง" หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย