Think In Truth

ประชาธิปไตยเป็นได้แค่เสื้อแต่เนื้อใน..? โดย : หมาเห่าการเมือง



ดีลลังกาวี ซุบเปอร์ดีลฮ่องกง ล้มไม่เป็นท่า ซุบเปอร์ล็อบบี้ยีสต์ปฏิบัติหน้าที่เกินขอบเขตของภารกิจ ทำให้ต้องโทษธำรงวินัยเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในขณะที่แผนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย กำลังชื่นมื่นกับข้อตกลงช็อกมินต์อาเจนด้า โดยการอ้อนวอนให้ก้าวไกลช่วยโหวตโดยไม่ง้อ สว. แล้วให้ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ข้อเสนอที่ไม่ผ่านการพูดตุย แต่ก้าวไกลรับทราบจากสื่อ จึงเกิดกระแสไม่เอาด้วย พร้อมทั้งมีกระแสของ สว. บางคนเริ่มออกมาปฏิเสธ เศรษฐา เนื่องจากช่วงหาเสียง เศรษฐาเคยพูดเรื่องแก้ ม.112 และมีการเปิดเผยว่ามีการยืมมือ “ทักษิณ” เพื่อกำจัดก้าวำกล

จากการให้สัมภาษณ์ของพลโทนันทเดช  เมฆสวัสดิ์ ผ่านรายการ เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ระบุชัดว่า พรรคก้าวไกลมีนโยบายที่มีผลกระทบต่อทุนผูกขาด ไม่ว่าจะเป็นทุนพลังงานและทุนค้าปลีก รวมทั้งทุนน้ำเมา ซึ่งเป็นทุนอยู่เบื้องหลังของพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม การเลือกที่จะประสานการแลกเปลี่ยนให้ทักษิณกลับบ้านด้วยช่องทางทางกฏหมาย กับการเป็นรัฐพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศที่กำลังมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจที่ทุนผูกขาดเหล่านั้นดำเนินการอยู่  นั่นเป็นการออกมายอมรับชัดเจนว่า “เอาทักษิณดีกว่าก้าวไกล” และเป็นการยืมมือทักษิณเพื่อกำจัดก้าวไกลให้พ้นทาง

เว็บเพจของ Suvipan Jampa ได้เขียนว่า “ได้ทักษิณ ดีกว่าก้าวไกล” เช้านี้ในรายการหมาแก่ พลโทนันทเดชได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับเรื่องดีลลับชัดเจนไม่ปิดบังว่าการต่อต้านพรรคก้าวไกลไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 112 แต่มาจากกลุ่มทุนที่ไม่ต้องการให้ก้าวไกลเข้ามา และการกลับมาของทักษิณต้องมีอำนาจรัฐเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่นายกเป็นของเพื่อไทยจะถูกต่อต้านมากกว่าที่มาจากจากพรรคทหาร ตอนนี้ก็เหลือแต่ทักษิณจะตัดสินใจ เพราะยังไงเพื่อไทยก็ได้เป็นรัฐบาล โดยไม่ให้นำนโยบายก้าวไกลเข้าสภาเลย

โดยที่อทึกกิจ แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง ก็โพสต์ว่า “อ่านแล้วฮา นันทเดชเปลือยฝ่ายตัวเองล้อนจ้อน ยอมรับว่า ยืมมือเพื่อไทยสกัดก้าวไกล แลกกันกับให้ทักษิณกลับบ้าน 1. รับดื้อๆ ไม่มียางอาย(สมัยก่อนพวกนี้ยังมีข้ออ้าง คนดีย์ แม้วเลว) 2. การให้ทักษิณกลับบ้านได้โดยไม่ติดคุก เป็นอำนาจใคร นันทเดชพูดได้ไง 3. ทำไมเพื่อไทยไม่อธิบายซื่อๆ อย่างนี้บ้างว่า เขาให้ทักษิณกลับบ้านเพื่อยืมมือเราสกัดก้าวไกล”

ในขณะเดียวกัน ช่อ พรรณิกา วาณิช ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมา เป็นการปล่อยออกมาจากผู้ที่ได้ประโยชน์ และผู้ที่ได้ประโยชน์ คือใคร ซึ่งตามการฟังจากการให้สัมภาษณ์ของพลโทนันทเดช ก็จะเห็นว่า พลโทนันทเดชกล่าวถึงนายกฯ ต้องมาจากพรรคทหารถึงจะไม่มีการต่อต้าน โดยที่นาย ไทยกร  พลสุวรรณ ก็ออกมาพูดถึง ดีลลับล่มไม่เป็นท่า ทักษิณก็ไม่ได้กลับบ้าน เพื่อไทยก็ไม่ได้นายกรัฐมนตรี ต่อไปก็จะถึงคิวของภูมิใจไทย โดยที่ก่อนหน้านี้ นายไทยกร พลสุวรรณ ก็เคยออกมาพูดถึงชะตากรรมของพรรคภูมิใจไทยว่า กำลังจะถูกยุบพรรค จากคดีพรรคภูมิใจไทยรับเงินบริจาคจากบริษัทบุรเจริญ ซึ่งเป็นบริษัทของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม จนถูกศาลรัฐธรรมนูญติดสินให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยก็คงปฏิเสธในการที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และคงถึงคิวพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคทหาร ตามที่พลโทนันทเดชได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนล่วงหน้า

สูตรรัฐบาลที่มีคนพยายามที่จะจัดสูตรไว้หลายสูตร ก็คงจะถึงคราวที่มีการเฉลยกันได้แล้ว คือ จะมีนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ชื่อ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ ซึ่งมีทุนพลังงานอยู่เบื้องหลังของพรรค รวมทั้งน้องชายของหัวหน้าพรรคก็ถูกแต่งตั้งขึ้นมานั่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค โดยสถานะของน้องชายหัวหน้าพรรค คือประธานที่ปรึกษาของบุริษัททุนผูดขาดการค้าปลึกรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และเป็นผู้ประมูลงานก่อสร้างในการพัฒนาชายฝั่งตะวันออก หรือ EEC ได้ นั่นคือประเทศไทยก็จะหนีไม่พ้นการปกครองภายใต้เผด็จการกลุ่มเดิม ที่กุมอำนาจของประเทศมายาวนานแล้วกว่า 9 ปี ถึงแม้นถ้าพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณจะพลาดจากการโหวตรับรองการเป็นนายกรัฐมนตรี วึ่งลำดับต่อไปก็ยังเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาหรือนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรีภายใต้มาตรา 5(2) เป็นตามลำดับ

ประเทศไทยก็ยังคงเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่ได้เป็นแค่เสื้อ แต่เนื้อในเป็นเผด็จการอยู่ดี โดยอยากเท่ห์ในสายตาของชาวโลก ก็หยิบเสื้อมาสวมใส่ เมื่อร้อนอบอ้าวก็ถอดเสื้อแขวนตากไว้บนกิ่งไม้ หนาวก็หยิบมานุ่งห่ม สบายๆ ก็ถอดหมกกองไว้ รอซัก ตากแห้งและรีดให้สวยงามในฤดูการเลือกตั้ง โถ....ประชาชน ได้เป็นแค่เสื้อที่ไม่มีชีวิตจิตใจ เป็นได้แค่ของใช้ที่เผด็จการจะหยิบขึ้นมาใช้ประโยชน์เท่านั้น.........