Think In Truth

ทฤษฏี...ส่งงูเข้ารัง'แบ่งแยกแล้วปกครอง' โดย : หมาเห่าการเมือง



หลังจากที่เพื่อไทยแถลงข่าวเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยที่ไม่มีก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยที่จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยการสะท้อนความจริงจากพลโทอนันทเดช เมฆสวัสดิ์ บอกว่า ม.112 ไม่ใช่เหตุผลหลักในการขัดขวางพรรคอันดับหนึ่งหนึ่งเป็นรัฐบาล แต่นโยบายของพรรคก้าวไกลต่างหากที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อทุนผู้สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลเดิม จึงยืมมือทักษิณซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งมาโดยตลอดเป็นเครื่องมือในการกำจัดก้าวไกลให้พ้นทาง เพื่อแลกกับการกลับบ้านของ ดร.ทักษิณ เอง

เสียงสะท้อนถึงความเจ็บปวดจากม็อบหน้าพรรคเพื่อไทย มันแสดงถึงความรู้สึกที่บาดลึกเข้าไปในใจของมหาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด รวมทั้งการออกมาระบายความรู้สึกของนายจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองผู้นำทางอุดมการประชาธิปไตย ที่สะท้อนใจถึงการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคไม่ได้เห็นหัวประชาชน การแสดงอาการหัวเราะเยาะแบบขมขื่นของนายจัตุพร พรหมพันธุ์ ที่มองว่าพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเข้าสู่ภาวะล่มสลายของพรรค ซึ่งมันสอดคล้องกับนายเมที หรือณชิต ได้บอกว่า ดร.ทักษิณได้ชี้นำให้กรรมการบริหารพรรคนำพาพรรคเข้าสู่ยุคมืด

เกมอันเหนือชั้นของฝ่ายอำนาจนิยมอำมาตยาธิปไตย ที่ใช้กระบวนการ “แบ่งแยก และปกครอง” เป็นกระบวนการที่ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตอนแรกหลังการเลือกตั้งอาจจะตกใจอยู่บ้าง ที่คาดการผิด ที่นึกว่าเพื่อไทยจะเป็นพรรคที่เป็นอันดับหนึ่ง แบบแลนด์สไลด์ ตามแคมเปญในการหาเสียง จึงได้ตัดสินใจในการส่งงูหัวระดับบ้านใหญ่เข้าไปสิงสถิตย์ในพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก เพื่อเตรียมให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ไม่เอาพรรคก้าวไกล แต่ผลกลับกลายเป็นพรรคก้าวไกลได้เสียงเข้าสภาอันดับหนึ่ง

การตั้งรับของฝ่ายอนุรักษ์นิยมจึงต้องพยายามที่จะต้องแยกพรรคเพื่อไทยออกมาจากพรรคก้าวไกล เพื่อลดอำนาจต่อรองการจัดตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งก็มีงูเห่าอยู่ภายในพรรคเพื่อไทยจำนวนหนึ่งแล้ว จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญในการแทรกแซงการทำงานของพรรคเพื่อไทย และก็ได้ผลเมื่อพรรคก้าวไกล ไม่สามารถผ่านด่าน สว. ไปได้ ความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลจึงตกมาที่พรรคเพื่อไทย เมื่อพรรคก้าวไกลได้แสดงความมีน้ำใจต่อพรรคเพื่อไทยให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มันก็เป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องกำจัดพรรคก้าวไกลออกจากสมการของรัฐบาล นี่เป็นความสำเร็จอีกก้าวของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ในการแบ่งแยกพรรคเพื่อไทย กับ พรรคก้าวไกล ออกจากกัน ถ้าไม่แยกออกจากกัน พรรคการเมืองฝากฝั่งประชาธิปไตยจะมีความเข้มแข็ง จนทำให้พรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่สามารถกลับเข้ามาสู่เวทีการเมืองได้อีกเลย

ฝ่ายพรรคเพื่อไทยหลังจากที่สลัดพรรคก้าวไกลออกจากสัมการการจัดตั้งรัฐบาล ก็เตรียมเทียบเชิญพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมมาประชุมปรึกษาหารือในการจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทั้งวางแผนการสนับสนุนให้นายเศรษฐา ทวีสิน ได้รับเสียงโหวตรับรองให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทางฝ่ายมวลชนคนเสื้อแดงก็เริ่มจับกลุ่มเพื่อแสวงหาแกนนำในการที่จะแสดงพลังเพื่อแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจต่อการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลก็เตรียมการเพื่อเป็นฝ่ายค้านอย่างมีคุณภาพ ซึ่งครั้งนี้ การทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคก้าวไกล จะมีการตรวจสอบและล้วงลึก ถึงการทำให้การทำงานของฝ่ายรัฐบาลทำงานลำบากหรือไม่ก็ทำงานไม่ได้ ถึงขั้นยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน

ฝ่ายอำนาจนิยมอำมาตยาธิปไตย ยุทธาศาสตร์ของเขาเพิ่งเดิมมาถึงครึ่งทาง คือ แยกเพื่อไทย ออกจากก้าวไกลได้เท่านั้น ยังไม่ได้อำนาจปกครอง สิ่งที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจำเป็นต้องดำเนินการต่อ จึงต้องวางแผนที่คาดเดาว่า อาจจะมีสอง Scenario คือ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี แนวทางนี้อาจจะไม่เป็นที่พอใจนัก เพราะผลงานของรัฐบาลที่มีนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ผลงานโดยรวมที่ประชาชนเข้าใจ คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าไม่สามารถผลักให้ไปในแนวทางอื่นที่ดีกว่าได้ แนวทางนี้ก็สามารถรับได้

อีกแนวทางหนึ่ง คือ ทำให้นายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้รับการรับรองให้เป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือการใช้เครื่องมือที่มีอย่างเป็นธรรมชาติ คือ พรรคก้าวไกล จะไม่โหวตให้นายเศรษฐา เพราเป็นหลักการของการเป็นฝ่ายค้าน และเครื่องมือภายนอก คือการเปิดโปรงการหลีกเลี่ยงภาษีของนายเศรษฐาของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่พร้อมจะออกมาแฉในทุกเวลา ซึ่งจะเป็นเหตุผลที่มากพอที่ด่าน สว. จะไม่ยอมให้นายเศรษฐา เดินผ่านไปได้ เมื่อนายเศรษฐาไม่ได้รับการรับรองจากสภา โอกาสก็จึงตกมาถึงพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยม นี่คือเป้าหมายสำคัญ ที่จะได้การปกครองมาอยู่ในมือ

ถึงแม้นนายวัน มูฮัมหมัด นอร์มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ประกาศเลื่อนการลงมติรับรองนายกรัฐมนตรีออกไป เนื่องจากรอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ปมการชงนายพิธาซ้ำได้หรือไม่  กลยุทธ์ “แบ่งแยก และปกครอง” ที่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมกำลังดำเนินการอยู่นี้ จะเกิดผลตามแผนอันแยบคายหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูผลการลงมติรับรองนายเศรษฐา ทวีสิน ในคราวต่อไป เราก็จะได้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยจะกินรวบการปกครองประเทศ หรือจะเสียโง่เป็นครั้งที่สอง ถูกกินรวบจากเหล่างูเห่าที่ตัวเองเก็บเอามาเลี้ยงในอ้อมอกตัว พร้อมทั้งอนาคตก็จะล่มสลายไป โดยฐานเสียงและมวลชน จะเป็นพรรคให้การสนับสนุนเป็นพรรคอื่น มาถึงตอนนี้แล้วก็รู้สึกเห็นอนาคตของพรรคเพื่อไทยแล้วก็น่าห่วงไม่น้อยเลย.....